2 Min

อิโมจิสื่อรัก วิจัยเผยใช้อิโมจิบ่อยๆ มีโอกาสจีบติดเพิ่มขึ้น

2 Min
3785 Views
05 Jan 2022
สมัยนี้ความสัมพันธ์ของคนสองคนก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นแฟน ก็เริ่มจากการแชทคุยกันก่อนทั้งนั้น และเชื่อว่าหลายคนก็คงจะถนัดพิมพ์ มากกว่าคุยโทรศัพท์ หรือคุยกันต่อหน้า โดยเฉพาะถ้าอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่ม‘คุย ๆ’กันอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ มันเขิน พิมพ์แชทกันมันสะดวกกว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะมีไม่มีอะไรคุยด้วย
 
แต่หลายครั้งการพิมพ์คุยกันผ่านตัวอักษรแบบไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าน้ำเสียงคนพูดเป็นยังไง ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและงอนกันได้ง่ายเช่นกัน
 
ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณส่งรูปน้องแมวตลกๆ ให้เขาคนนั้น แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาแค่ว่า “ตลกจัง” พอเห็นคำตอบแบบนี้ บางครั้งมันก็เดาไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกันแน่ ตกลงรูปน้องแมวมันตลกจริงๆ ไหม เขาชอบหรือไม่ชอบ ตอบตามมารยาท หรือประชด ตกลงยังไงกันแน่
 
แค่ประโยคสั้นๆ ก็ทำให้คิดไปไกลได้ ปัญหาหลักมันเป็นเพราะว่าตัวอักษรมันไม่มีเสียงและมันดู‘ห้วน’ เราไม่มีทางรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายได้ มันก็เลยทำให้คิดไปเองว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติไป และก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันในที่สุด
 
ที่จริงปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากๆ เพียงแค่พิมพ์อิโมจิ (Emoji) เพิ่มเข้าไปในบทสนทนา หรือคนส่วนใหญ่ที่ชอบใช้ Line คุยกัน ก็ใช้ส่งสติกเกอร์เพิ่มไปสักหน่อย แค่นี้ก็ช่วยแสดงอารมณ์ให้ตัวหนังสือของเราได้แล้ว
 
ซึ่งเจ้าตัวอิโมจิต่างๆ นี้ก็มีการใช้มานานแล้ว ในปัจจุบันนี้มีอิโมจิทั้งหมดมากถึง 3,633 ตัวด้วยกัน อิโมจินั้นก็มีหลายประเภท โดยแต่ละตัวก็มีความหมายแตกต่างกันไป อิโมจิที่ถูกใช้บ่อยที่สุดก็งหนีไม่พ้นอิโมจิที่แสดงสีหน้าท่าทางต่างๆ
 
ประโยชน์ของอิโมจิไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการแชทคุยเท่านั้น งานวิจัยยังพบด้วยว่าการใช้อิโมจิช่วยสร้างความโรแมนติก และทำให้ความสัมพันธ์มีโอกาสพัฒนากว่าเดิมขึ้นไปอีก งานวิจัยพบว่าคนที่ใช้อิโมจิบ่อยๆ มีโอกาสได้ออกเดต (และอะไรที่‘ลึกซึ้ง’กว่านั้น) มากกว่าคนที่ไม่ค่อยได้ใช้
 
ซึ่งเหตุผลที่ผู้เข้าร่วมวิจัยชอบใช้อิโมจิกันนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือ

1. อิโมจิทำให้ดูเป็นกันเองมากขึ้น

ถ้าเพิ่งรู้จักกันไม่นาน บางทีมันก็มีแอบเกร็งกันบ้าง ถ้าส่งข้อความไปเฉยๆ มันก็จะดูห้วนหรือเป็นทางการจนเกินไป การเพิ่มอิโมจิเข้าไปในประโยค จะทำให้เพิ่มความสนิทสนม ดูเป็นกันเองขึ้นมา แทนที่จากเดิมดูสั้นๆ ห้วนๆ มันก็จะดูน่ารักขึ้นมา

2. อิโมจิแสดงความรู้สึกแทนเรา

ถ้าให้เปรียบเทียบกันระหว่าง “ไปสิ” กับ “ไปสิ 🤩” ประโยคหลังที่มีอิโมจิเพิ่มเข้ามา ให้ความรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการตอบมาแค่สั้นๆ ถ้าอยากจะให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเรามีอารมณ์ร่วมกับบทสนทนานี้ แนะนำให้ลองใช้อิโมจิแสดงความรู้สึกแทนใจเราดู จากประโยคสั้นๆ จะน่ารักขึ้นคูณสิบไปเลย 🥺

3. ใช้อิโมจิพิมพ์ไวกว่าประโยคยาวๆ

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าอิโมจิแต่ตัว มีความหมายในตัวเองอยู่แล้ว การใช้อิโมจิแทนประโยคไปเลยก็ช่วยประหยัดเวลา ในเวลาที่เราไม่อยากพิมพ์ออกมาตรงๆ ได้มาก ซึ่งคนอ่านก็สามารถเข้าใจได้เหมือนกัน และน่าเอ็นดูกว่าด้วย ยกตัวอย่างเช่น แค่ส่ง ❤ ไปอันเดียวคนอ่านก็เข้าใจความหมายแล้วจริงไหม 😉

4. ใครๆ ก็ใช้อิโมจิกัน

ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Emojipedia ระบุว่าคนใช้อิโมจิในเฟซบุ๊กมากกว่า 5 พันล้านครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก ในเมื่อใครๆ เขาก็ใช้กัน ทำไมคุณไม่ลองดูบ้างล่ะ! มันก็เป็นไปได้ว่า คนที่คุณกำลังคุยด้วย เขาก็อาจจะชอบใช้คนที่ใช้อิโมจิบ่อยๆ ก็ได้นะ
 
🍿 ใครที่กำลังอยู่ในช่วงคุยๆ กันอยู่ เราก็อยากแนะนำให้ลองเปลี่ยนจากส่งข้อความธรรมดาๆ เป็นส่งอิโมจิในแชทให้บ่อยขึ้น นอกจากจะน่ารักแล้ว ใครที่ไม่กล้าบอกความรู้สึกในใจออกไป ลองให้อิโมจิเป็นตัวช่วยสื่อความรู้สึก(สื่อรัก)ดูก็ได้ บางทีมันอาจจะเวิร์กนะ😉
 
อ้างอิง