3 Min

ศาลยุโรปฟันธง ขาย eBooks มือสองเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

3 Min
377 Views
02 Dec 2021

ในโลกยุคดิจิทัล กิจกรรมจำนวนมากมายมหาศาลย้ายมาออนไลน์ ซึ่งโดยทั่วไปคนก็ยังจะมีความเคยชินว่ามันก็คือกิจกรรมเดิมกับที่เคยทำแบบออฟไลน์นั่นแหละ แต่ในความเป็นจริง กิจกรรมจำนวนมากเมื่อย้ายจากออฟไลน์มาออนไลน์ มันทำให้การกระทำมีนัยยะที่ต่าง ผ่านการควบคุมด้วยกฎหมายที่ต่าง ในระดับที่ว่ากิจกรรมแบบที่เราเคยทำได้ถูกกฎหมาย เราก็ไม่สามารถทำได้อย่างถูกกฎหมายอีก

ในที่นี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องการขายหนังสือมือสอง

ในประเทศทั่วไปในโลกที่คนอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือตลาดหนังสือมือสอง เพราะคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบอ่านหนังสือก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องการจะสะสมหนังสือที่อ่านไปแล้ว หรือไม่คิดจะอ่านแล้วให้รกบ้าน และคนก็ทำการซื้อขายหนังสือมือสองกันเป็นปกติ

ที่นี้พอยุคปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเล่มก็หันมาอ่าน eBooks กัน ซึ่ง eBooks เหล่านี้ก็สามารถจะทำการซื้อหาออนไลน์ได้อย่างถูกต้องจากสารพัดแพลตฟอร์ม

แน่นอนว่า eBooks ก็ไม่ได้ต่างจากหนังสือเล่ม อ่านจบแล้ว คนจำนวนมากก็เบื่อ และพอไม่ต้องการอ่านแล้ว การเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาซื้อหนังสือเล่มใหม่ก็สมเหตุสมผล

ปัญหาคือมันทำได้เหรอ? หรือกล่าวให้ตรงกว่านั้นก็คือมันยังถูกกฎหมายเหมือนเดิมเหรอ?

ปัญหานี้เริ่มมาจากแพลตฟอร์มสัญชาติเนเธอร์แลนด์ชื่อ Tom Kabinet นั้นทำการซื้อขาย eBooks มือสอง ทำให้พวกสำนักพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์ไม่พอใจและทำการฟ้องร้องว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดคือการละเมิดลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ คดีเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งศาลเนเธอแลนด์ก็ปวดหัวมากว่าคดีแบบนี้จะตัดสินยังไง ก็เลยส่งเรื่องไปที่ศาลยุโรปและล่าสุดในปลายปี 2019 ศาลยุโรปก็ได้ตัดสินแล้วว่า การขาย eBooks มือสองถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

จะเข้าใจคำตัดสินก็ต้องเข้าใจพื้นฐานกฎหมายลิขสิทธิ์ก่อน เพราะพื้นฐานแล้ว แม้แต่หนังสือเล่ม ตัวเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือก็ยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีสิทธิ์ขายหนังสือนั้นแต่เพียงผู้เดียวแม้แต่ตอนหนังสืออยู่ในร้านหนังสือ อย่างไรก็ดี ถ้าเราซื้อหนังสือมาบุ๊บ มันจะมีหลักว่าลิขสิทธิ์ในส่วนของสิทธิ์ในการเผยแพร่ หรือสิทธิ์ในการขายหนังสือเล่นนั้นของเจ้าของสิทธิ์จะสิ้นสุดลง และหมายความว่าใครก็ตามที่ซื้อหนังสือมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เอาหนังสือไปขายต่อ ก็ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (ภาษากฎหมายยุโรปจะเรียกหลักนี้ว่า Exhaustion ส่วนภาษากฎหมายอเมริกาจะเรียกว่า First Sale Doctrine)

ที่นี้ พอมาเป็น eBooks ทำไมมันถึงไม่เป็นแบบนั้นล่ะ? อธิบายง่ายๆ คือศาลเห็นว่าก่อนที่เราจะซื้อ eBooks เราต้องผ่านการทำ License Agreement (ส่วนที่เรามักจะติ๊ก Yes ตลอดโดยไม่อ่านนั่นแหละครับ) มาแล้ว ซึ่งส่วนนั้นก็จะระบุข้อจำกัดว่าเราห้ามทำอะไรบ้างกับ eBooks ที่เราซื้อมา ซึ่งแน่นอน ข้อห้ามอันหนึ่งก็คือห้ามเอาไปขายต่อ ดังนั้นการขาย eBooks มือสองก็เลยถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะผู้ซื้อนั้นย่อมตกลงแล้วว่าจะไม่เอาไปขายต่อ (อันนี้อธิบายแบบง่ายสุดเลยนะครับ)

คำตัดสินนี้ถือว่ามีประเด็นพอสมควร เพราะมันไม่ใช่แค่หนังสือเท่านั้น แต่พวกหนังและเพลงที่เราซื้อมาอย่างถูกต้องแบบดิจิทัล เราก็ไม่สามารถจะเอาไปขายได้อีกด้วย ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำว่า “ทรัพย์สินดิจิทัล” ที่เราซื้อมานั้น เอาจริงๆ มันไม่ได้ “เป็นของเรา” แบบทรัพย์สินที่จะจับต้องได้อื่น ๆ เพราะอย่างน้อย ๆ การเอา “ทรัพย์สินดิจิทัล” ที่เราซื้อมาจากผู้อื่นไปขาย ก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

ที่นี้ถ้าใครความจำดีหน่อย ก็อาจจำได้ว่าในปี 2012 ทางศาลยุโรปก็เคยติดสินคดีทำนองนี้มาแล้ว โดยครั้งนั้นทางบริษัท Oracle ได้ฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์แพลตฟอร์มชื่อ Usedsoft ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขาย “ซอฟต์แวร์มือสอง” ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ขายแบบพร้อมกล่อมพร้อม CD นะครับ ขายแบบดิจิทัลเลย ทำให้ทาง Oracle ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

แต่คราวนั้น ศาลยุโรปก็ตัดสินว่า Usedsoft ไม่ผิด

อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจงงว่า ทำไมศาลยุโรปถึงดูมี 2 มาตรฐาน การขาย eBooks มือสองผิดกฎหมาย ส่วนการขายซอฟต์แวร์มือสองกลับถูกกฎหมาย ทั้งที่ทั้งคู่ก็เป็น “การขายไฟล์” แบบมือสองเหมือนกัน และอยู่ใต้กฎหมายลิขสิทธิ์เดียวกัน

ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คดี “ซอฟต์แวร์มือสอง” ในปี 2012 สิ่งที่ถูกเอามา “ขาย” จริง ๆ ไม่ใช่ตัวซอฟต์แวร์ แต่เป็น License Agreement ในการใช้ซอฟต์แวร์ กล่าวคือ คนเวลาคน “ซื้อซอฟต์แวร์” จริง ๆ เขาไม่ได้ซื้อไฟล์ แต่ซื้อตัว License Agreement คือซื้อ “สัญญาอนุญาต” ในการใช้ไฟล์ ดังนั้นพอเลิกใช้ซอฟต์แวร์แล้ว สิ่งที่เอาไป “ขายต่อ” ได้ก็คือตัว License Agreement

ที่นี้มันก็เลยกลายเป็นเรื่อง “การขายสัญญา” มากกว่า “การขายของมีลิขสิทธิ์” และศาลก็ตัดสินว่าการขายสัญญาในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ทั้งคนขายและคนซื้อไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างน้อย ๆ ก็ตราบที่คนขายยอมที่จะลบไฟล์ทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของตนเอง (เพราะขายสัญญาในการใช้ไปแล้ว เก็บไฟล์ไว้ใช้ต่อเป็นการละเมิดสัญญา)

เรื่องที่ว่ามาทั้งหมดอาจจะชวนงงและซับซ้อนหน่อย แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก เพราะบ้านเราก็มีเทคโนโลยีแบบนี้หมดแล้ว และก็แค่รอเวลาเท่านั้นว่าจะมีใครหรือแพลตฟอร์มอะไรที่จะเปิดทำการซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัล

และก็น่าสนใจว่าถ้าเกิดเป็นคดีเป็นเรื่องเป็นราวอะไรขึ้นมา ศาลไทยจะตัดสินยังไง? เพราะตัวบทกฎหมายลิขสิทธิ์ของเราก็ไม่ครอบคลุมกรณีที่ซับซ้อนดังที่ว่ามาแน่ ๆ

อ้างอิง