ชอบกิน “หมึกยักษ์” ไหมครับ?
หมึกยักษ์เป็นอาหารที่มีเนื้อสัมผัสเฉพาะพอสมควร และถือเป็นวัตถุดิบระดับ “ปราบเซียน” ในการแข่งทำอาหาร เพราะมัน “ปรุงรส” ยากมาก
อย่างไรก็ดี มันก็เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมากๆ ดังที่มนุษย์หลายๆ วัฒนธรรมก็จับมันมาทำเป็นอาหารปกติ
ซึ่งในบางวัฒนธรรมก็มีการกินหมึกยักษ์แบบเป็นๆ ดังเช่นเกาหลีใต้ และหลายคนก็อาจเคยเห็นคลิปคนเกาหลีใต้กินหมึกยักษ์เป็นๆ ทั้งตัวอยู่บ้าง
แต่รู้ไหมครับว่า จริงๆ การกินแบบนี้อันตรายมาก เพราะถ้ากินไปซี้ซั้ว หมึกอาจติดคอตายได้ เพราะบริเวณหนวดมันมีความสามารถในการดูดพื้นผิวสารพัดได้แน่นมากๆ และนั่นรวมถึงคอด้วย
พูดง่ายๆ คือกินเข้าไปน่ะได้ แต่มันอาจไป “ติดคอ” เราได้ และจริงๆ ถ้าจะกินให้ปลอดภัย ต้องหั่นเป็นท่อนเล็กๆ ก่อนกิน
ทีนี้ อยากให้ลองนึกภาพไปตามธรรมชาติว่าตัวอะไรกินหมึกยักษ์บ้าง…
โดยทั่วๆ ไป คำตอบคือพวก “ฉลาม” เพราะมันเป็นสัตว์ที่ฟันคมพอที่จะแยกหมึกยักษ์เป็นชิ้นๆ ก่อนจะลงไปย่อยเป็นสารอาหารที่จำเป็นในกระเพาะ
แต่รู้ไหมครับว่า “โลมา” ก็กินหมึกยักษ์
ฟังเผินๆ อาจไม่มีอะไร แต่ลองนึกภาพว่า โลมาเนี่ย ตัวพอๆ กับมนุษย์ คอก็พอๆ กัน ดังนั้นกินหมึกยักษ์เป็นๆ เข้าไป มันติดคอตายได้ และมันก็มีเคสที่โลมากินแล้วติดคอตายจริงๆ มาเกยตื้นตามชายหาด
…แต่โลมาส่วนใหญ่สามารถกินหมึกยักษ์ได้โดยไม่ติดคอตาย และไม่ต้อง “หั่นก่อนกิน” แบบมนุษย์ด้วย
คำถามคือมันทำยังไง?
คำตอบง่ายๆ มันมีเทคนิคที่เรียกกันว่า “เขย่าและทุ่ม” (shake-and-toss) ซึ่งจะเรียกว่าเป็นเทคนิค “ประกอบอาหาร” ของโลมาก็ได้
ซึ่งเทคนิคก็ตรงตัว คือมันจะเอาหมึกขึ้นไปบนผิวน้ำ แล้วใช้ปากจับหมึกยักษ์เขย่าไปมา หรือไม่ก็ฟาดบนผิวน้ำรัวๆ ซึ่งพอทำอย่างต่อเนื่องไปสักพัก หมึกยักษ์จะนุ่มนิ่มอ่อนแรง กินง่าย ไม่ติดคอ หรือบางทีก็จะขาดเป็นชิ้นๆ เลย กินไปปลอดภัยแน่ๆ เพราะตายสนิทแล้ว
เทคนิคพวกนี้อาจฟังดูโหดร้าย แต่จริงๆ โลมาก็เป็นสัตว์ที่ “โหด” อยู่แล้ว แค่มันหน้าตาน่ารักเท่านั้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือเทคนิคพวกนี้แสดงให้เห็นถึงความ “ฉลาด” ของโลมา เพราะเทคนิคที่ว่านี่ถือว่าซับซ้อนทีเดียวในการที่จะจับอะไรมากิน คือไม่ได้เรียบง่าย แบบงับๆ แล้วกลืนแบบสัตว์ที่เราเห็น “ตามธรรมชาติ” ปกติ
หรือพูดอีกแบบ การกินอะไรที่ต้องทำนอกเหนือจากการเอาใส่ปากไป เคี้ยวๆ แล้วกลืนมันต้องใช้สติปัญญา และจะเรียกมันว่าการ “ประกอบอาหาร” ก็พอได้
และทั้งหมดนี้ก็ทำให้เราน่าจะมองย้อนถึงตัวมนุษย์เอง ที่จริงๆ มนุษย์เราคือสัตว์ที่มี “แหล่งอาหาร” ที่ซับซ้อนที่สุดในโลกแล้ว ไม่มีตัวอะไรบนโลกที่มีอาหารการกินมากมายเท่ากับมนุษย์
ซึ่งถ้าพูดในเชิงวิวัฒนาการมันไม่ใช่เพราะเรา “เรื่องมาก” อยากกินของอร่อยๆ แต่มันเป็นเพราะเรามีการส่งทอดทางวัฒนธรรมการ “ประกอบอาหาร” ที่ซับซ้อน คือเราไม่ได้มีฟันที่แหลมคมระดับกัดเนื้อเหนียวๆ ได้เหมือนสัตว์นักล่าจำนวนมาก แต่สิ่งที่เราทำก็คือเอามาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ให้เคี้ยวง่ายขึ้น หรือเอาไปย่างจนนิ่มหรือเอามาตุ๋นให้เนื้อเหนียวๆ กินได้ เราไม่มีปัญญาย่อยกระดูก แต่เราก็เอามาต้มเพื่อสกัดเอาสารอาหารจากกระดูกมาให้มากที่สุด ฯลฯ
นี่คือ “การประกอบอาหาร” ของมนุษย์ เป้าหมายดั้งเดิมมันไม่ใช่ “ความอร่อย” แต่เพื่อจะสกัดเอาสารอาหารจากธรรมชาติมาป้อนระบบทางเดินอาหารให้ได้มากที่สุด และที่เราต้องทำแบบนี้ เพราะกิจกรรมพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็คือการ “กิน”
การกินคือการเติมสารอาหารที่จำเป็นต่อการมีชีวิตเข้าร่างกายให้ดำเนินต่อไป และสิ่งมีชีวิตใดที่ยิ่งกินได้เยอะและหลากหลาย โอกาสรอดและแพร่พันธุ์ก็ยิ่งสูง
และในแง่นี้เอง การที่โลมามีเทคนิค “ประกอบอาหาร” และใช้กับหมึกยักษ์จึงแสดงให้เห็นว่าพวกมันมีสติปัญญาสูงหรือกระทั่งมี “วัฒนธรรม” บางอย่าง
และก็ไม่แปลกเลยที่มนุษย์จะรู้สึกใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดนี้ เพราะมันไม่ได้แค่น่ารัก แต่เป็นสัตว์น้อยชนิดในธรรมชาติที่น่าจะถือว่ามี “สติปัญญาสูง” ใกล้เคียงกับมนุษย์เลยทีเดียว
อ้างอิง
- ScienceNews. How a dolphin eats an octopus without dying. https://bit.ly/3gkJ3gY
- NewScientist. Giant octopus suffocates foolhardy dolphin that tried to eat it. https://bit.ly/3zjpWN6
- Insider. Here’s why eating a live octopus can be deadly. https://bit.ly/3iz4RrV