การเลี้ยงสุนัขทุกวันนี้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เงินเยอะอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันคนเลี้ยง ‘น้องหมา’ เหมือนลูกตัวเองก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนอีกว่ายิ่งเลี้ยงในเมืองที่ ‘ค่าครองชีพสูง’ ต้นทุนในการเลี้ยงดูก็ยิ่งสูงตาม
แต่ถ้าเราบอกว่าการเลี้ยงสุนัขที่นิวยอร์กครึ่งปีต้องใช้เงินถึง 200,000 บาท จะเชื่อไหม?
บางคนอาจจะบอกว่าเขาซื้อหมามาแพงหรือเปล่า? คำตอบคือไม่เลย สุนัขตัวนี้ได้มาจากสถานพักพิง ซึ่งถ้างงว่าค่าใช้จ่ายมาจากไหน เดี๋ยวเราจะแจงให้ดูกันตามรายจ่ายของหนุ่มคนหนึ่งที่ร่าย ‘ค่าเลี้ยงหมา’ ของเขาให้สื่อดู
อย่างแรกเลย หลายคนอาจคิดว่าการรับอุปการะสุนัขตามสถานพักพิงจะไม่เสียเงิน คำตอบคือ ‘ไม่ใช่’ เพราะในสหรัฐอเมริกา เป็นธรรมเนียมเลยว่าถ้าจะรับน้องหมาจากสถานอุปการะมาเลี้ยง เราต้องเสียเงิน ซึ่งจะเสียแค่ไหนก็แล้วแต่สถานอุปการะแต่ละแห่ง โดยค่าธรรมเนียมที่เขาคิดก็มีตั้งแต่ประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึง 25,000 บาท
ซึ่งถามว่าสุนัขจากสถานอุปการะมักจะเป็นยังไง ทั่วๆ ไปคือก็จะผ่านการทำหมันและฉีดวัคซีนพื้นฐานมาแล้ว และถ้ามองว่าเงินที่จ่ายไปนี้เป็นค่าทำหมันและค่าวัคซีน เอาจริงๆ ก็ไม่ได้โหดเท่าไหร่ โดยหนุ่มคนนี้ก็เสียเงินไปประมาณ 15,000 บาท ให้แก่สถานพักพิงสุนัขในรัฐเท็กซัส และได้น้องหมาเพศเมียลายเสือน่ารักหนัก 33 กิโลกรัม กลับมา
แต่ก่อนจะพาสุนัขที่อุปการะมาอยู่ด้วยก็ต้องทำตามเงื่อนไข คือ เตรียมบ้านให้พร้อม ซึ่งอย่างแรกที่หนุ่มคนนี้ซื้อคือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เสียไปอีก 15,000 บาท ซึ่งก็เรียกได้ว่าคิดถูกแล้ว เพราะคนเลี้ยงสุนัขในบ้านทุกคนน่าจะรู้กันดีว่ายังไงก็ต้องมี ‘ขนเต็มบ้าน’ ไม่ว่าน้องหมาจะขนยาวหรือขนสั้นก็เหมือนกันหมด โดยเฉพาะถ้าเป็น ‘หมาตัวใหญ่’
แต่มีเครื่องดูดฝุ่นยังไม่พอ ต้องมี ‘ของใช้จำเป็น’ สำหรับสุนัขอีก ซึ่งก็มีตั้งแต่ชามข้าว ชามน้ำ กล่องใส่อาหารเม็ด สายจูง ถุงเก็บอึ๊หมา กรรไกรตัดเล็บ หวีแปรงขน แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน คอก เตียง รวมถึง ‘ตะกร้า’ สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ซึ่งข้าวของบางอย่างก็ต้องซื้อซ้ำด้วย เพราะบางทีเขาก็จะเอาน้องหมาไปฝากที่อพาร์ตเมนต์ของแฟน จะขนไปมาก็ลำบาก ก็ต้องซื้อเป็นดับเบิล
อาจฟังดูเว่อร์ แต่ทั้งหมดที่ต้องซื้อนี้ทำให้เขาเสียเงินอีกราว 20,000 บาท ซึ่งแน่นอน คิดราคาเป็นเงินไทยอาจจะรู้สึกแพง แต่ก็บอกได้เลยว่าถ้าซื้อของทั้งหมดนี้ในไทย สำหรับหมาหนัก 33 กิโลกรัม ก็น่าจะหมดไปไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งถ้าคิดเป็นค่าครองชีพนิวยอร์ก ก็สมเหตุสมผลอยู่ ซึ่งเราก็ต้องไม่ลืมอีกว่านี่คือข้อมูลสดๆ ร้อนๆ จากปี 2022 ที่อเมริกาเพิ่งเจอเงินเฟ้อหนักๆ และเมืองใหญ่ๆ มีภาวะเงินเฟ้อหนักยิ่งกว่าที่อื่น ดังนั้นราคาทุกอย่างจึงสูงขึ้นแบบ ‘โหดจัด’ จริงๆ
ขนาดว่าน้องหมายังมาไม่ถึงบ้านก็หมดไปประมาณ 50,000 บาทแล้ว
แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังไม่จบ เพราะหลังจากสุนัขที่เขาอุปการะถูกส่งมาถึงบ้าน มันอ้วกไม่หยุด เขาเลยต้องพาไปหาหมอ เข้าห้องฉุกเฉิน เอกซเรย์อะไรวุ่นวาย โดนจับตรวจทั้งตัว เพื่อสรุปว่า ‘แค่กระเพาะรวนนิดหน่อย’ ค่าหมอออกมา 40,000 บาท ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ถ้าเราพอจะรู้ว่าค่ารักษาของ ‘หมอคน’ ในอเมริกามันมหาโหดอยู่แล้ว ค่า ‘หมอหมา’ จึงโหดเช่นกัน
ซึ่งพอกระเพาะหายแล้ว มันกินข้าวได้ แต่ก็ยังซึมๆ เขาเลยพาหมาไปหาหมออีกรอบ ก็ตรวจอีก สรุปวินิจฉัยว่ามันเป็นพยาธิหลายอย่างมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับหมาตามสถานพักพิง แต่ก็ต้องรักษาจริงจัง เขาเลยได้รับการจ่ายยามาให้หมากินแบบยาวๆ ไป 1 ปี ก็โดนค่าหมอ ค่ายาไปอีกรวมๆ ประมาณ 30,000 บาท
และไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คิดค่าใช้จ่ายให้จบเดือนแรกเลย ค่าอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รวม คือ ค่าอาหารประมาณเดือนละ 3,500 บาท ค่าของเล่นและขนมหมาราวเดือนละ 2,500 บาท ค่า ‘รับฝากหมา’ เวลาไปทำงาน วันละ 1,500 บาท ทั้งหมด 14 วัน (หมาป่วย ต้องดูแลใกล้ชิดหน่อยเขาเลยฝากเยอะ) ก็โดนไป 21,000 บาท
ดังนั้นแค่เดือนแรก รวมๆ หมดไป 147,000 บาท เกือบ 150,000 บาท ค่าใช้จ่ายหมาล้วนๆ ซึ่งนี่ก็คือโครงสร้างค่าใช้จ่ายคร่าวๆ โดยแต่ละเดือนค่าอาหารและของเล่นนั้นค่อนข้างคงที่ แต่ค่าฝากดูแลหมานี่ก็แล้วแต่ความยุ่ง แต่ก็น่าจะพอเห็นภาพว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหมาตกเดือนละ 10,000 บาท เป็นอย่างต่ำ จึงก็ไม่แปลกที่หากเลี้ยงหมาไป 6 เดือนจะเสียเงินไปร่วม 200,000 บาท
และนี่ก็คือ ‘ความเป็นจริง’ ของค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมาทุกวันนี้ บริการย่อยๆ สารพัดอย่าง จ่ายเงินซื้อได้หมดอย่างสะดวกก็จริง แต่รวมๆ ราคาของทุกอย่างมันก็โหดจัดๆ ถ้าเทียบกับราคาในไทยอาจจะไม่โหดเท่านี้ แต่ถ้าเลี้ยงหมาไซส์ใหญ่ในไทยในแบบคล้ายๆ กันนี้ก็น่าจะหมดไปหลายหมื่นเหมือนกัน
อ้างอิง
- CNBC. My first 6 months of owning a dog in NYC cost me $5,500—here’s a breakdown of my spending. https://cnb.cx/3Ls8AW9