‘ประเทศไทย’ เป็นชาติที่เกิดขึ้นจากความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ความเชื่อ แนวคิด วัฒนธรรม และปัจจัยที่ทำให้การรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ประเทศไทย’ มีความต่างกันนั้นก็รวมถึง ‘อายุ’ ที่ทำให้เรามักไม่เข้าใจว่าคุณลุงคนนั้นคิดอะไร ทำไมเด็กสมัยนี้คิดแบบนั้น จนเกิดเป็นความไม่เข้าใจ
แคมเปญ #โคตรไทย จาก BrandThink และ ThaiPBS ชวนคุณมาทำความเข้าใจทุกความต่างในความเป็นไทย เพื่อไล่เลียงว่าแต่ละเจเนอเรชั่นของไทยแต่ละยุคสมัยเขาผ่านอะไรกันมา เราถึงเดินทางมาเป็น ‘สังคมไทย’ ในทุกวันนี้
Gen B
เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) คือคนที่เกิดและเติบโตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง พร้อมกับประเทศที่บอบช้ำจากภัยสงครามทั้งจากการสูญเสียประชากร ความเสียหายทางพื้นที่ และทางเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้คนในเจเนอเรชั่นนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ประเทศเร่งฟื้นฟูทางการเงินและการเมืองให้กลับมาแข็งแรง ด้วยการเพิ่มประชากรเพื่อเป็นแรงงานในการขับเคลื่อนประเทศ ทำให้นี่เป็นช่วงเวลาที่ไทยและทั่วโลกมีเด็กเกิดมากที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าสงครามโลกจะจบ แต่ ‘สงครามเย็น’ การห้ำหั่นของมหาอำนาจในโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ที่เข้ามามีบทบาทในการเมืองโลกด้วยอิทธิพลที่รุนแรงทางอุดมการณ์โลกทุนนิยมและคอมมิวนิสต์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ เนื่องจากไทยเองเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในสงครามเวียดนาม ซึ่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นฟู รวมถึงผลักดันส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย
จุดเปลี่ยนของการเมืองในประเทศที่สำคัญคือเมื่อ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ามามีบทบาทแทน จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีการฟื้นฟูสถาบันและสนับสนุนประเพณีต่างๆ เพื่อรับมือกับแนวคิดคอมมิวนิสต์ โดยมีแนวทางทั้งการจูงใจและการโฆษณาชวนเชื่อ การส่งเสริมการพัฒนาแบบตะวันตก และสนับสนุนการลงทุนในเอกชนและรัฐวิสาหกิจอย่างแพร่หลาย
ช่วงเวลานี้ทำให้คนยุคเบบี้บูมเมอร์เติบโตในประเทศไทยที่มีการพัฒนาฟื้นฟูอย่างรวดเร็วด้วยระบบพื้นฐานสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา รถยนต์ ด้วยนโยบายสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศ ส่งผลให้เบบี้บูมเมอร์ในไทยจำนวนมากให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างเคร่งครัด ประหยัด เคารพกติกา รวมถึงเคร่งครัดในประเพณีต่างๆ ด้วยสถานการณ์และนโยบายของประเทศ อย่างไรก็ดีนี่เป็นยุคที่ทรัพยากรต่างๆ ถูกใช้ไปเพื่อการพัฒนาอย่างสูงมากเช่นกัน
Gen X
หลังจากเบบี้บูมเมอร์ใช้ทรัพยากรมหาศาลในการพัฒนา สิ่งที่เกิดขึ้นคือแนวคิดว่ามันอาจไม่มีเพียงพอต่อทุกคนอีกต่อไป จึงเกิดนโยบายที่มุ่งเน้นการควบคุมจำนวนประชากรทั่วโลก ทั้งจากการชวนเชื่อหรือนโยบาย และนั่นคือช่วงเวลาที่คนเจนเอ็กซ์ (Gen X) เกิดและเติบโตขึ้น
ในเวลานั้นเศรษฐกิจของประเทศถูกวางรากฐานไปแล้วโดยคนยุคก่อน สาธารณูปโภคต่างๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง รวมถึงเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ทำให้คนยุคนี้ถูกเรียกว่า ‘ยัปปี้’ (Yuppie) หรือ Young Urban Professionals คือเป็นช่วงที่ไม่ต้อง ‘เคร่งครัด’ กับการสร้างเนื้อสร้างตัวมากนัก ในขณะที่ทางการเมือง เจนเอ็กซ์เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดช่วงเวลาหนึ่งนับตั้งแต่ตุลาคม 2516 มาจนถึงยุค พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทำให้คนในยุคนี้มีแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ คือไม่เคร่งครัดในประเพณีวัฒนธรรมมาก และเป็นยุคแรกที่คนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับความเสรี และให้ความสำคัญกับ ‘ชีวิตส่วนตัว’ พอๆ กับการทำงาน ในขณะที่ยังถูกสอนให้สร้างเนื้อสร้างตัวอยู่เช่นกัน
คนเจนเอ็กซ์ทำงานในระบบแรงงานช่วงที่เศรษฐกิจประเทศไทย ‘กระโดด’ มากที่สุดเวลาหนึ่ง เกิดการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่เข้ามาในประเทศไทย และรายได้จากการส่งออกสินค้า เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ ‘ทำมาค้าขึ้น’ อย่างมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด ‘เสรีทางการเงิน’ ในปี 2533 มีการเปิดให้กู้เงินจากต่างประเทศซึ่งมีความต่างของดอกเบี้ย ในขณะที่มีนโยบายการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทให้คงตัว มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างมหาศาล เป็นช่วงที่คนในเจนนั้นเฟื่องฟูอย่างมาก
แต่นโยบายเหล่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 เมื่อรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในสมัยนายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และส่งผลกระทบทางการเงินไปทั่วเอเชีย ทำให้แรงงานในระบบถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมหาศาลเมื่อเกิดภาวะ ‘ฟองสบู่แตก’ เพราะการลงทุนต่างๆ นั้นเป็นอุปสงค์เทียมที่เกินความต้องการที่เป็นจริงในตลาด
Gen Y
คนเจนวาย (Gen Y) หรือที่มักถูกเรียกว่าเด็กยุคมิลเลนเนียลส์ (Millennials) ส่วนมากเป็นลูกของคนยุคเบบี้บูมเมอร์หรือคนเจนเอ็กซ์ตอนต้นที่มักประสบความสำเร็จจากการผลักดันเศรษฐกิจในอดีต ทว่าคนเจนวายเติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและผันผวนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เกิดในยุคสมัยคาบเกี่ยวระหว่างโลกอนาล็อกและดิจิทัล ทำให้คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีและโลกออนไลน์ ส่งผลให้คนยุคนี้มีแนวคิดเปิดกว้างมากขึ้น รับข่าวสารจากทั่วโลก และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่สนใจเรื่องธรรมเนียมประเพณีมากนัก
ในทางการเมือง คนเจนวายในไทยเติบโตท่ามกลางความขัดแย้งและผันผวนทางการเมืองอย่างมาก นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2549 สมัย ทักษิณ ชินวัตร ตามด้วยรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557 ทำให้คนเจนวายที่เป็นเด็ก–วัยรุ่น จนเข้าสู่วัยทำงานในปัจจุบัน มองเห็นภาพการเมืองที่ไม่มั่นคงมาตลอด 16 ปีที่ผ่านมา และเผชิญกับรัฐประหารถึงสองครั้งสองหนในเวลาไม่ถึง 2 ทศวรรษ
ในขณะเดียวกัน คนเจนวายเป็นช่วงวัยที่เจอกับวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้ง โดยคาบเกี่ยวจากวิกฤตต้มยำกุ้งไปจนถึงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และปัจจุบันยังคงเผชิญหน้ากับวิกฤตจากโควิด-19 ทำให้เป็นช่วงวัยที่เผชิญหน้ากับการตกงานและความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเฉพาะเมื่อแรงงานซึ่งอายุน้อยมีแนวโน้มถูกให้ออกจากงานมากกว่า ส่งผลให้คนเจนวายไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำงานกับองค์กรเป็นเวลานาน และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับองค์กรใหญ่ แม้ว่าคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันเป็นประชากรหลักในตลาดแรงงานของประเทศก็ตาม
Gen Z
เจนซี (Gen Z) วัยรุ่นยุคปัจจุบันเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์อย่างเต็มตัวตั้งแต่เด็ก ทำให้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโลกออนไลน์ รับข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกในทุกเวลา ส่งผลให้เปิดกว้างทางความคิด สนใจประเด็นทางสังคม ความเท่าเทียม สิทธิมนุษยชน และมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากกว่าคนเจนก่อนๆ
สิ่งที่แตกต่างจากคนเจนวายอย่างเห็นได้ชัดคือ คนเจนซีมีแนวโน้มเติบโตมากับพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวทั้งสองคน ทำให้วัยเด็กอยู่กับคนอื่นๆ มากกว่าพ่อและแม่ รวมถึงให้ความสำคัญกับเรื่องความสุขทางจิตใจมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้นสร้างความเครียดมากกว่าเจเนอเรชั่นอื่นๆ
ปัจจุบัน คนเจนซีเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยมีแนวทางในการเปลี่ยนงานในระยะเวลาที่รวดเร็ว และให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ให้สูงขึ้นเพื่อทดแทนกับสวัสดิการ ต้องการความก้าวหน้าในสายงาน และคาดหวังว่าจะได้รับงานที่ตรงตามทักษะของตัวเอง และมีแนวโน้มสนใจการทำงานที่ค่อยข้างมีอิสระ เช่นไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ หรือมีความยืดหยุ่น
เมื่อคนไทยทุกคนเติบโตขึ้นมาอย่างแตกต่าง ต่างในช่วงเวลา ต่างในสถานการณ์ หรือแม้แต่ต่างในนโยบายรัฐ ที่ทำให้เราอาจเป็นคนที่แตกต่างกัน แต่อย่าลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายที่พร้อมจะเข้าใจและอยู่ด้วยกันเสมอ
เพราะความเป็นไทยอาจไม่ได้อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ แต่อยู่รอบๆ ตัวเรา BrandThink และ ThaiPBS ชวนมาร่วมถอดรหัส ‘อะไรคือไทยแท้?’ ที่ไม่ได้มีแต่ในตำราไปด้วยกัน ในแคมเปญ #โคตรไทย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อนโลกนี้มีคำว่าไทย เพื่อตอบคำถามโลกแตกว่า สุดท้ายแล้ว ‘ไทยแท้’ มีจริงไหม?
เรามาชวนค้นหาคำตอบและเข้าใจ ‘ความเป็นไทย’ จากจุดเริ่มต้น จากมนุษย์โบราณอายุหมื่นปี จากถ้อยคำและภาษามากมาย จากชาติพันธุ์ที่หลากหลาย จากเม็ดเลือดในร่างกาย และเข้าใจเรื่องราวการเดินทางว่าเรา ‘เป็นไทย’ อย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร ผ่านการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ หลักฐานทางโบราณคดีในสารคดี ‘เธอ เขา เรา ใคร’ ให้เข้าใจใน 10 นาที มาร่วมเดินทางไปกับเราได้ที่ https://www.brandthink.me/campaign/kod-thai
อ้างอิง
- TCIJ. เจเนอเรชั่นไหน ? เกิดระหว่างปีใด ?. https://bit.ly/3qBX14l
- Thairath. สแกนเจเนอเรชั่นคนไทย พลังสำคัญผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอล. https://bit.ly/3nEAke2
- Posttoday. เข้าใจความต่างคน 4 เจเนอเรชั่น ทลายช่องว่างเพื่อการทำงานที่แฮปปี้. https://bit.ly/3GGBLQD
- 101 world. ไทยในสมัยสงครามเย็น. https://bit.ly/3FAKGSg
- Bangkokbiznews. Baby Boomer VS Gen Y. https://bit.ly/3nDb87N
- BBC. วิกฤตต้มยำกุ้ง 2 ก.ค. 2540: ใครเป็นใครใน 5 ตัวละครเอกของวิกฤตเศรษฐกิจแห่งเอเชีย. https://bbc.in/3nEspgK
- กรมสุขภาพจิต. Gen Y/Gen Me กลุ่มผู้กุมชะตาโลก. https://bit.ly/3tFEm9B
- ประชาชาติธุรกิจ. รู้ทันปัญหา Gen Z เป็นเรื่องง่าย ๆ แค่เข้าใจ. https://bit.ly/3GJKxx4
- Workpointtoday. เจาะพฤติกรรมคน Gen Z ที่มักถูกเข้าใจผิด พร้อมกลยุทธ์มัดใจ พิชิตยอดขายให้แบรนด์. https://bit.ly/353UxDD