2 Min

เกิดเหตุนักท่องเที่ยวจีน พลัดตกลงไปในปล่องภูเขาไฟอินโดฯ จนเสียชีวิต หลังพยายามถ่ายรูปในมุมมหาชน

2 Min
239 Views
22 Apr 2024

22 เมษายน 2024 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนรายหนึ่งชื่อว่า ‘หวง ลี่หง’ (Huang Lihong) วัย 31 ปี ประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในปากปล่องภูเขาไฟคาวาห์ อิเจ็น ในจังหวัดชวาตะวันออก หลังจากพยายามถ่ายรูปบนภูเขาไฟในมุมมหาชน โดยแหล่งข่าวระบุว่า หวง ลี่หง ได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไปดังกล่าวพร้อมกับจาง หย่ง ผู้เป็นสามี ผ่านบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ในวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและสัมผัสกับความงามของแสงสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของภูเขาไฟแห่งนี้

ก่อนหน้าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น หวง ลี่หง และลูกทัวร์คนอื่นๆ ได้รับคำแนะนำว่า การปีนขึ้นมาที่ปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้มีความอันตรายอยู่ไม่น้อย และต้องใช้ความระมัดระวังในทุกย่างก้าว ซึ่งในตอนแรก ลี่หงก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังคำเตือนนี้ โดยพยายามจะรักษาระยะห่างจากปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นหน้าผาลึกประมาณ 2-3 เมตร แต่แล้วเธอก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่อยู่ชิดปากปล่องมากขึ้นเพื่อหวังจะเก็บภาพที่สวยงามตามมุมมหาชน และการเดินถอยหลังเช่นนี้ทำให้เธอสะดุดกับชุดของตัวเอง และพลัดตกลงไปในหน้าผาที่มีความสูงถึง 75 เมตร จนเสียชีวิตทันที

ด้าน เดวี ซูจีฮาโต (Devi Sujihato) เจ้าหน้าที่ของสํานักงานคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติชวาตะวันออก กล่าวว่า ทีมกู้ภัยพยายามรีบไปยังที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดเพื่อดําเนินการช่วยเหลือ ทว่าตําแหน่งที่ลี่หงตกไปนั้นก็มีความซับซ้อนและเข้าถึงยาก ทำให้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการขนส่งร่างของผู้บาดเจ็บจากบริเวณหน้าผาไปยังโรงพยาบาลของรัฐในบริเวณใกล้เคียง โดยจากการตรวจของทีมแพทย์ พบว่าร่างกายของเธอบอบช้ำจากการกระแทกอย่างรุนแรงที่ศีรษะและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่นบริเวณข้อเท้าขวาและเข่าซ้าย ที่อาจเกิดจากการกระแทกที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต เบื้องต้นทีมแพทย์ระบุว่า ร่างของเธอจะถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลในบาหลี ก่อนที่ครอบครัวจะนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในประเทศจีนต่อไป 

สำหรับภูเขาไฟคาวาห์ อิเจ็นนี้ถือเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในชวาตะวันออก หลังจากที่นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟิกได้ตีพิมพ์บทความที่กล่าวถึง ‘Api Biru’ หรือ เปลวไฟสีน้ําเงินซึ่งเป็นปรากฏการณ์อันหายากที่เกิดจากปฏิกิริยาการเผาไหม้ของกรดซัลฟิวริก ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกตั้งใจจะเดินทางมาที่ภูเขาดังกล่าวเพื่อสัมผัสกับแสงนี้ด้วยตาตนเองให้ได้สักครั้ง ซึ่งการเดินทางไปยังจุดที่เห็นแสงนี้ได้ จะต้องเริ่มเดินจากจุดเริ่มต้นในตอนเที่ยงคืน ก่อนจะใช้เวลาเดินป่าอีกกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อไปถึงยังขอบปล่องภูเขาไฟ ตามด้วยการเดินป่าอีก 45 นาที ไปยังปากปล่องของอีกฝั่ง ทำให้เส้นทางการเดินนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ทรหดมากที่สุดเส้นทางหนึ่งของโลก ทำให้เคยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการเดินทางเส้นดังกล่าวมาแล้ว

อ้างอิง