เพราะสังคมดูไร้ความหวัง? หนุ่มสาวจีนแชร์ภาพเรียนจบแนวประชดชีวิต ทั้งแกล้งนอนตาย-ทิ้งปริญญาลงถังขยะ

4 Min
1228 Views
20 Jun 2023

อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ

โดยปกติแล้ว ‘เดือนมิถุนายน’ จะเป็นช่วงที่จีนจัดพิธีจบการศึกษา แต่ปีนี้มีเทรนด์ใหม่เกิดขึ้น เพราะคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเรียนจบหลายรายไม่โพสต์ท่าถ่ายภาพ ‘โยนหมวกบัณฑิต’ แสดงความดีใจเหมือนที่ผ่านมา แต่กลับโพสต์ท่าแปลกๆ ออกแนวตลกร้าย-ประชดชีวิตแทน เช่น แกล้งนอนตายริมถนนโดยมีหมวกปิดหน้า บางคนก็ทำท่าหัวทิ่มตกบันได และบางคนทำท่าจะทิ้งปริญญาลงถังขยะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนว่าพวกเขารู้สึก ‘ไร้ความหวัง’ กับอนาคตหลังเรียนจบ

ถ้าไปดูอัตราว่างงานในจีนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีประเด็นคล้ายกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากทั้งโควิดและภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ สถิติเด็กจบใหม่ที่ไม่มีงานทำ ‘เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง’ และในปีนี้จำนวนเด็กจบใหม่ทั่วจีนจะอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านคน แต่เศรษฐกิจและการจ้างงานในจีนก็ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนจะเกิดโควิด-19

สำนักข่าว The Guardian รายงานเรื่องนี้โดยอ้างสถิติของทางการจีน ซึ่งระบุว่าอัตราว่างงานของเด็กจบใหม่ในปี 2023 เพิ่มจาก 20.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน เป็น 20.8 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม และสถิตินี้รวมตั้งแต่ประชากรอายุ 16 ปีไปจนถึง 24 ปี ซึ่งไม่ได้มีแค่หนุ่มสาวที่เรียนจบปริญญา แต่รวมถึงผู้ที่เรียนจบมัธยมปลายและสายอาชีพต่างๆ ด้วย เพราะฉะนั้น คนที่เรียนจบในปีนี้อีกมากมายก็น่าจะต้องเจออะไรคล้ายๆ กันนี้รออยู่ในอนาคตอันใกล้

ยิ่งถ้าเทียบอัตราส่วนของคนที่เรียนต่อระดับอุดมศึกษาของจีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ชัดว่าคนจีนเรียนต่อระดับปริญญาเพิ่มขึ้นมาก จากผลสำรวจปี 2012 มีผู้เรียนปริญญาประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากรวัยหนุ่มสาว แต่ตัวเลขล่าสุดเมื่อปี 2022 พบว่ามีผู้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยมากถึง 59.6 เปอร์เซ็นต์ โดยเหตุผลหลักคือความคาดหวังว่าถ้าเรียนสูงๆ จะเพิ่มโอกาสทางหน้าที่การงานได้

เมื่อคนเรียนมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น อัตราการแข่งขันทั้งในการสอบเข้าเรียนต่อสถาบันมีชื่อเสียง รวมถึงการตระเวนหางานหลังเรียนจบก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย การจบปริญญาจึงไม่สามารถรับประกันได้อีกต่อไปว่าคนที่เรียนจบจะหางานทำได้ง่าย เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนจบปริญญาเหมือนๆ กัน ซึ่งนี่ก็เป็นปัญหาเหมือนกับที่อีกหลายประเทศประสบพบเจออยู่ รวมถึงบ้านเราด้วย 

พอไปดูภาพจบการศึกษาที่เป็นไวรัลในสื่อออนไลน์จีนล่าสุดจึงรู้สึกได้ถึงความ ‘เกรียน’ และการประชดประชันเสียดสี ‘ชะตากรรม’ ที่คนหนุ่มสาวจีนคิดว่าตัวเองจะต้องเจอ และ SCMP สื่อฮ่องกงก็ระบุว่า นี่คือภาพสะท้อน ‘ความไม่มั่นใจ’ ของหนุ่มสาวจีนในยุคนี้ เพราะหลายคนรู้สึกว่าอนาคตของพวกเขาคือความไม่แน่นอน ก็เลยแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่อให้สังคมรับรู้ว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก 

ยิ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘ถั่งผิง’ (Tang Ping – 躺平) หรือ ‘Lying Flat’ เกิดขึ้นในจีนมาก่อนแล้ว ซึ่งถ้าแปลตรงๆ ก็คงหมายถึงการ ‘นอนราบ’ และมีคนที่เคยอธิบายแนวคิดเบื้องหลังคำนี้ว่ามันคือการปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตตามค่านิยมของสังคมจีน ไม่ว่าจะเป็นยุคคอมมิวนิสต์ที่เน้นการสร้างคุณประโยชน์ให้สังคมส่วนรวม หรือหลักคุณธรรมและความขยันหมั่นเพียรแบบขงจื่อโบราณ คนหนุ่มสาวที่เลือกใช้ชีวิตแบบถั่งผิงจึงเป็นคนที่ต่อต้านการดิ้นรนตามกรอบเดิมๆ ของสังคม และเปรียบแนวคิดเช่นนี้กับการ ‘นอนเฉยๆ’ ไม่ยินดียินร้ายอะไร ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่งก็อาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าต่อให้ดิ้นรนไปก็ไม่ประสบความสำเร็จ หรือทำดีเท่าไรก็ไม่ถึงเกณฑ์ที่สังคมคาดหวัง

ปรากฏการณ์ ‘ถั่งผิง’ เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งเลิกสนใจจะทำงานในบริษัทใหญ่ๆ หรือเลิกคิดจะสอบบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่มองว่านี่คือหนึ่งในอาชีพที่มั่นคงที่สุดแล้ว) และหันไปทำงานรับจ้างหรืองานอิสระอื่นๆ แทน รวมถึงไม่คิดจะมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง ไม่คิดจะแต่งงาน ไม่คิดมีลูก ไม่หวังก้าวหน้าทางอาชีพ ซึ่งต่อมาก็มีเทรนด์ใหม่ชื่อว่า ‘ไป๋หลัน’ (ฺBai Lan – 摆烂) หรือ Let it rot ที่ถูกมองว่าเป็น ‘ขั้นกว่า’ ของ ‘ถั่งผิง’ เพราะคนที่คิดแบบนี้มักจะอยากตัดขาดจากสังคม หรือถ้าพูดแบบบ้านๆ ก็คงหมายถึงการปล่อยตัวเองให้หายใจทิ้งไปวันๆ จนกว่าจะเน่าตาย

แน่นอนว่าทางการจีนประณามแนวคิดนี้อย่างรุนแรง โดยมีการเผยแพร่บทความจากทั้งหน่วยงานรัฐและจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชี้ว่าปรากฏการณ์ถั่งผิงคือ ‘การบ่อนทำลายค่านิยมอันดี’ ทำให้สังคมเสื่อมทราม เพราะคนหันไปยกย่องความขี้เกียจและไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม 

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ทางการจีนไม่สามารถลบล้างความคิดหรือห้ามคนรุ่นใหม่ไม่ให้เกิดความรู้สึกเชิงลบต่อสภาพการดิ้นรนแข่งขันในสังคมที่เป็นมาตลอดได้ เพราะภาพรวมก็ถือว่า ‘ดุเดือด’ มากจริงๆ เหมือนอย่างที่มีข่าวออกมาให้เห็นกันบ่อยๆ ว่าเด็กจีนนั้นถูกกดดันให้เรียนอย่างหนักมาตั้งแต่อนุบาล และพอขึ้นมัธยมปลายก็ต้องเตรียมสอบเข้าสถาบันอุดมศึกษา แต่สุดท้ายเรียนจบมาแล้วก็มีแนวโน้มจะตกงานอยู่ดี เพราะตำแหน่งงานไม่เพียงพอ หรือถ้ามีก็ต้องฟาดฟันเพราะที่ต่างๆ ก็มักจะคัดเฉพาะ ‘หัวกะทิ’ เข้าทำงาน 

นอกจากนี้ ช่วงที่โควิดระบาดหนัก รัฐบาลจีนก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมากว่าใช้มาตรการผิดพลาด โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ทั้งเมืองเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ ทำให้มีคนตกงาน-เสียโอกาสทางอาชีพเป็นจำนวนมาก และหลังจากนั้นรัฐก็ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรองรับเด็กจบใหม่ได้ ซึ่งดูๆ ไปแล้วปัญหานี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับหนุ่มสาวชาวจีนเท่านั้น แต่เป็น ‘ปัญหาร่วม’ ที่คนแทบจะทั่วโลกน่าจะเจอเหมือนกันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

อ้างอิง

  • Frontiers. How do Chinese people evaluate “Tang-Ping” (lying flat) and effort-making: The moderation effect of return expectation. https://tinyurl.com/5bv9pwts
  • The Guardian. Glum Chinese graduates go viral with pictures of misery amid jobs anxiety. https://tinyurl.com/mrx9jf4a
  • SMCP. ‘Lying flat’ is no more: new evolution of disillusionment has frustrated Chinese youths ‘letting it rot’. https://tinyurl.com/3m2t8vtb