3 Min

หมูธรรมดารึ จะสู้หมูโอเมก้า 3 ได้ ไขข้อสงสัย ทำไมต้องหมูโอเมก้า 3 กินแล้วดีต่อสุขภาพที่ยั่งยืนอย่างไร?

3 Min
514 Views
17 Oct 2023

หมูทอด หมูกระทะ หมูย่าง หมูปิ้ง ขาหมู หมูต้มพะโล้ พวกนี้ล้วนเป็นเมนู ‘หมูๆ’ ที่แน่นอนว่าทุกคนต้องเคยกิน จนสามารถพูดได้เลยว่าคนไทยเราคุ้นเคยกับการบริโภคเนื้อหมูเป็นอย่างดี เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่หาง่าย ทำอะไรก็อร่อย แถมทำได้หลากหลายเมนู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในเนื้อหมูส่วนที่อร่อยต้องเป็นส่วนที่ติดมัน เพราะความนุ่มความหอมเมื่อนำไปประกอบอาหารมันชวนให้น้ำลายสอ แต่เรื่องที่เราควรต้องรู้อีกอย่างก็คือ ‘มันหมู’ มีไขมันไม่ดีค่อนข้างเยอะ ซึ่งเจ้าไขมันไม่ดีนี้เองมีส่วนที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ทำให้เราต้องเสียเงินกันแบบยาวๆ ในการรักษาโรค ทั้งไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ไปจนถึงหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งโรคพวกนี้มักจะมาแบบเงียบๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ออกอาการแล้ว และหลายครั้งก็อาจสายเกินไป ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าเราหันมา ‘ดูแลสุขภาพเชิงรุก’ ดูแลกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังช่วยเซฟกระเป๋าสตางค์ของเราจากอาการป่วยที่ไม่คาดฝันด้วย 

ซึ่งหนึ่งในวัตถุดิบเจ๋งๆ ที่เราจะมาแนะนำกันวันนี้ แน่นอนว่าก็ต้องเป็น ‘เนื้อหมู’ แต่ที่พิเศษ คือ เป็นเนื้อหมูที่มี ‘โอเมก้า 3’ อันเป็นกรดไขมันดีที่มีส่วนช่วยยับยั้งและลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดการเกิดลิ่มเลือด และลดการอักเสบซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงอาจจะมีประโยชน์ด้านสมองอย่างที่หลายๆ องค์กรกำลังวิจัยกันอยู่ด้วย

น้องหมูโอเมก้า 3 ที่ว่ามานี้ เป็นน้องหมูที่ได้รับการยอมรับในงานสัมมนาวิชาการสุขภาพระดับนานาชาติ คืองาน ‘International Conference Public Health 2023’ ซึ่งจัดโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ผ่านมา โดยในงานก็ได้มีการเล่าถึงความสำคัญของการพัฒนาเนื้อหมูให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น

อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 จากธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า ‘หมูชีวามีโอเมก้า 3’ ที่ถูกเลี้ยงดูในระบบคลีนฟาร์ม ปลอดสาร และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ รับรองมาตรฐานความปลอดภัยโดย NSF องค์กรจากสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้นำนานาชาติในการรับรองผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในอาหาร เพื่อให้คนไทยได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการบริโภค

เพราะคนไทยมีอัตราการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด ในปีที่ผ่านมากว่า 10 ล้านคน และเพิ่มสูงขึ้นถึง 18.6 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การดูแลสุขภาพผ่านอาหารการกินในชีวิตประจำวัน โดยการเลือกวัตถุดิบที่ดีมีประโยชน์และได้คุณภาพ จึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

แต่ทำไมต้อง ‘โอเมก้า 3′

เรื่องนี้มีที่มาจาก ศาสตราจารย์ยอร์น เดอร์เบิร์ก (Dr. Jørn Dyerberg) จาก มหาวิทยาลัยประเทศเดนมาร์ก ที่ได้เดินทางไปที่กรีนแลนด์แล้วได้พบกับชาวเอสกิโม ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่รับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงมากๆ ซึ่งสูงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็คือ อาหารโซนเอเชียบ้านเราที่ว่าไขมันเยอะ แต่ยังมีไขมันเพียง 25-30 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อเท่านั้น แต่ที่น่าทึ่งก็คือ ชาวเอสกิโมมีประวัติการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำมาก แถมผลเลือดยังมีค่าไตรกลีเซอไรด์ต่ำ และจุดที่เป็นกุญแจไขปริศนาความสุขภาพดีนี้คือ ปริมาณโอเมก้า 3 ในเลือดที่สูง เป็นสิ่งที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า โอเมก้า 3 น่าจะมีส่วนทำให้ค่าไขมันในเลือดลดลง 

โดยข้อมูลนี้เองที่ทำให้ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ CP เริ่มค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโอเมก้า 3 มาตั้งแต่ปี 2010 และในปี 2016 ก็เริ่มทำการวิจัยด้วยการเสริมวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น สาหร่ายทะเล น้ำมันปลา และเมล็ดแฟล็กซ์ลงในอาหารสัตว์ เพื่อให้สัตว์สามารถสะสมโอเมก้า 3 ในเนื้อได้ นอกจากนี้ยังใช้นวัตกรรมทางการแพทย์และพรีคลินิกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อยืนยันถึงคุณประโยชน์ของโอเมก้า 3 ที่มีต่อสุขภาพของเราด้วย

ดังนั้นการเลี้ยงด้วยระบบคลีนฟาร์ม โดยเลี้ยงด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3 สูง จากธรรมชาติ เช่น เมล็ดแฟลกซ์ สาหร่ายทะเล ผลิตภัณฑ์จากข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง จึงทำให้เหล่าน้องหมูชีวาทั้งหลายอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่สะสมตามเนื้อตัวทั่วร่างกาย

เพิ่ม ‘โอเมก้า 3’ ให้ร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน

หลายๆ ครั้งที่เราหลงลืมการดูแลสุขภาพ เพราะการไม่มีตัวเลือก ทั้งความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน หน้าที่การงานต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้เราเลือกสิ่งที่ง่ายเป็นหลัก จนส่งผลให้สุขภาพของเราย่ำแย่ในอนาคต แต่ในปัจจุบันต้องขอบคุณเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้เรามีทั้งสิ่งที่ง่ายและดีด้วย อย่าง ‘หมูชีวามีโอเมก้า 3’ ที่ตอบโจทย์ทั้งความอร่อย ความคุ้นชินกับการกินเนื้อหมูของคนไทย ที่เสริมทัพมาด้วยโอเมก้า 3 กรดไขมันดี กินแล้วได้ประโยชน์ แถมยังช่วยรักษาสุขภาพ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายต่างๆ มากมาย ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับวัตถุดิบของอาหารไทยให้มีภาพลักษณ์และคุณภาพที่นานาชาติให้การยอมรับยิ่งขึ้น ทั้งยังกินได้ทุกวันโดยไม่ต้องรู้สึกผิด แถมได้ดูแลสุขภาพเชิงรุกให้กับตัวเองไปในทุกๆ วันด้วย