หอมอร่อยตลอดปี ‘ข้าวหอมทะลุแมส ตราฉัตร’ กับการจัดเก็บข้าวหอมมะลิใหม่ที่ความเย็น 15 องศา
เมื่อพูดถึงมื้ออาหารที่คุณกินได้ทุกวัน กินอย่างไรก็ไม่เบื่อ เป็นเหมือนอาหารมื้อหลักที่บริโภคได้ตลอด คุณจะคิดถึงอะไรกันบ้าง?
เราเชื่อว่า ‘ข้าวสวยร้อนๆ หอมๆ นุ่มๆ ’ น่าจะเป็นคำตอบของใครหลายคน
‘ข้าว’ นับเป็นหนึ่งในเมนูพื้นฐานช่วยเราเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ วันไหนกลับบ้านมาเหนื่อยๆ ได้กินข้าวสวยร้อนๆ สักจาน กับเมนูอาหารอร่อยๆ ก็อิ่มท้องอิ่มใจไปแบบสบายๆ
และเมื่อพูดถึงข้าวคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่พูดถึงพันธุ์ข้าวชื่อดังอย่าง ‘ข้าวหอมมะลิ’ ข้าวพันธุ์ไทยที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก จุดเด่นคือความหอมอร่อยที่หาไม่ได้จากข้าวประเภทอื่น
ในช่วงที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าตลาดข้าวหอมมะลิคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิใหม่ หลากหลายแบรนด์เลือกนำเสนอประเด็น ‘ข้าวหอมมะลิใหม่หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียว’ ที่เป็นเหมือนการนำเสนอความลิมิเต็ดเอดิชั่นและหายาก แต่ในทางกลับกัน ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคข้าวที่มีความหอมนุ่มเหนียวไปตลอดทั้งปี
แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะได้ทานข้าวหอมมะลิใหม่ ที่มีความหอม นุ่ม เหนียว ได้ตลอดปี
ข้าวตราฉัตรเองก็เล็งเห็นในประเด็นนี้ จึงเลือกความแตกต่าง นำเสนอกลยุทธ์เด็ดสวนกระแสตลาดกับ ‘ข้าว 15 °C’ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีการจัดเก็บข้าวหอมมะลิใหม่ที่ความเย็น 15 °C เทคโนโลยีนี้จะทำให้ข้าวมีความหอม นุ่ม เหนียว ตลอดปี เหมือนข้าวต้นฤดูที่เกี่ยวมาใหม่ๆ ไม่จำกัดแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนนำมาบรรจุถุงเมทัลไลซ์ ที่จะช่วยรักษาคุณภาพและการันตีความสดใหม่ที่ผู้บริโภคจะได้ลิ้มลอง
ทำไมต้อง 15 °C?
จัดเก็บอย่างไร?
หอมขนาดนั้นจริงไหม?
เรามาติดตามกันไปทีละประเด็น
ก่อนอื่น ต้องขออธิบายก่อนว่า ข้าวตราฉัตรได้มีร่วมมือกับฝั่งสมาชิกเกษตรกรภายใต้โครงการพัฒนาระบบการปลูกข้าวเพื่อความยั่งยืน เกษตรกรจะมีความรู้การปลูกข้าวหอมมะลิอย่างถูกวิธี สิ่งสำคัญคือใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูง ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบ GAP ของกรมการข้าว มีทีมพัฒนาผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ตลอด และรับซื้อผลผลิตคืนจากเกษตรกรสมาชิกในราคานำตลาด
นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยดูแลเกษตรกรสมาชิกให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความยั่งยืนในระบบเกษตรกรรม ภายใต้มาตรฐานควบคุมคุณภาพสินค้า หรือพูดง่ายๆ เกษตรกรไทยก็เติบโตมีรายได้ ส่วนแบรนด์ก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เป็นการดูแลขบวนการเพาะปลูกเลยทีเดียว
ประเด็นถัดมาก็คือ แล้วแบรนด์ข้าวตราฉัตรมีการจัดเก็บดูแลอย่างไร ทำไมข้าวที่แบรนด์อื่นบอกว่ามีปีละครั้ง แต่ข้าวตราฉัตรสามารถนำมาส่งถึงมือผู้บริโภคได้ตลอดทั้งปี
อยากให้ลองนึกภาพตามว่า ที่โรงงานข้าวตราฉัตร มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร ผลิตภัณฑ์เด่นที่เป็นที่นิยมมาโดยตลอด โดยใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บข้าวสารในห้องเย็น ควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 15 °Cเซลเซียส จึงทำให้ข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร จะมีความสดใหม่ นุ่มเหนียว เสมือนข้าวเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่
นอกเหนือจากนั้น ข้าวตราฉัตรยังให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพ ที่วิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก มีการตรวจสอบที่เห็นเป็นตัวเลขที่แม่นยำ เพื่อให้มีคุณภาพสม่ำเสมอทุกถุง ทำให้นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาดอยู่พอสมควร
อีกหนึ่งจุดเด่นที่หลายคนให้ความสนใจ ก็คือการสื่อสารทางการตลาด ข้าวตราฉัตรเลือกใช้แนวคิดเรื่องเทคโนโลยีความเย็น 15 °C และความหอมแบบทะลุแมส มานำเสนอเป็นจุดขาย นับว่าเป็นแนวคิดที่สดใหม่เข้ากับยุค New Normal และยังไม่ค่อยเห็นจากแบรนด์ไหนมาก่อน
เป็นการเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า ข้าวตราฉัตรให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคจริงๆ เพราะมันคงดีกว่ามาก ถ้าผู้บริโภคจะมีข้าวหอมมะลิใหม่อร่อยให้กินได้ในทุกช่วงเวลา และด้วยเทคโนโลยีความเย็น 15 °C ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การทานข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร ที่เมื่อหุงเป็นข้าวสุก ก็จะได้ทานข้าวที่หอม นุ่ม เหนียว ได้เหมือนข้าวต้นฤดู ที่มีให้ทานตลอดทั้งปี
แค่คุณเปิดถุงข้าวสารออกมา ก็การันตีด้วยความหอมแบบทะลุแมส ที่ไม่ว่าจะมีอะไรกั้นขวางไว้ ความหอม ความสดใหม่ก็เกินต้านทะลุแมสได้อย่างแน่นอน
พอผลิตภัณฑ์มีจุดขายที่โดดเด่น กลยุทธ์การตลาดที่โดนใจ เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ก็ไม่แปลกอะไร ที่จะครองยอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มข้าวหอมมะลิใหม่ โดยทางแบรนด์วางเป้ายอดขายปิดปี 2564 นี้ จำนวน 24,500 ตันข้าวสาร หรือ ประมาณ 1,000 ล้านบาท และปี 2565 เติบโต 50% เป็นจำนวน 36,000 ตันข้าวสาร หรือประมาณ 1,380 ล้านบาท
อ่านอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้กลิ่น ดูอย่างเดียวก็อาจไม่ได้ชิมรสชาติ ขอเชิญชวนไปพิสูจน์ความหอมทะลุแมสกันได้ที่ห้างสรรพสินค้า โลตัส แม็คโคร เซเว่นอีเลฟเว่น ห้างชั้นนำ ห้างท้องถิ่น และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ส่วนใครมีโอกาสได้ลองแล้ว ก็มาแชร์ความหอม ความอร่อยกันได้เลย!