3 Min

ผลสำรวจชี้ คนญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คนคัพ A ใกล้สูญพันธุ์!!!

3 Min
2765 Views
11 Jul 2022

ถ้าจะพูดถึงสักชาติในโลกที่มีความหมกมุ่นเรื่องนมของผู้หญิงที่สุด ญี่ปุ่นก็คงจะเป็นหนึ่งในชาติที่มีชื่อติดหนึ่งในนั้นแน่ๆ ซึ่งในความซีเรียสจริงจังของญี่ปุ่น เวลาคนเขาสนใจอะไรกันเขาก็จริงจังสุดๆ ในแบบที่เราเห็นความจริงจังของพวกเขาก็คงอดรำพึงกับตัวเองไม่ได้ว่าญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ

หนึ่งในความจริงจังนั้นก็ทำให้ญี่ปุ่นมีองค์กรที่ทำการสำรวจขนาดนมของผู้หญิงญี่ปุ่นด้วยวิธีการต่างๆ และทำการเผยแพร่ข้อมูลที่ประชาชนอยากรู้นี้มาเรื่อยๆ

ซึ่งผลสำรวจอย่างหนึ่งที่โด่งดังและประกาศออกมาเรื่อยๆ ก็คือ ผลสำรวจของบริษัท Triump ซึ่งจริงๆ มันก็คือการรายงานสัดส่วนยอดขายของบราคัพต่างๆ ของบริษัท และผลสำรวจนี้ก็ทำให้เห็นว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา

ใหญ่ขึ้นแค่ไหน? เอาง่ายๆ 40 ว่าปีที่แล้ว (ปี 1980) ยอดขายบราคัพ A นั้นคิดเป็นเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขายบราทั้งหมดของ Triump แต่มาปี 2018 บราคัพ A คิดเป็นยอดขายไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ของบราทั้งหมดแล้ว โดยตอนนี้ยอดขายบราคัพ A อยู่แค่ 2.1 เปอร์เซ็นต์ คัพ B อยู่ที่ 17.9 เปอร์เซ็นต์ คัพ C อยู่ที่ 26.9 เปอร์เซ็นต์ คัพ D อยู่ที่ 26.3 เปอร์เซ็นต์ คัพ E อยู่ที่ 18.8 เปอร์เซ็นต์ คัพ F อยู่ที่ 6.4 เปอร์เซ็นต์ คัพ G หรือใหญ่กว่านั้นอยู่ที่ 1.6 เปอร์เซ็นต์ (ข้อมูลจากยอดขายปี 2018 ในรายงานชื่อ ‘Lingerie White Paper’)

ถ้าเราเชื่อว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่แทนประชากรญี่ปุ่นได้จริงๆ ก็แปลว่าตอนนี้ถ้าเราไปที่เดินญี่ปุ่น เรามีโอกาสเจอผู้หญิงคัพ F มากกว่าคัพ A ถึง 3 เท่าตัว นอกจากนี้เราก็จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันผู้หญิงญี่ปุ่นเกินครึ่งมีขนาดนมที่ต้องใส่บราคัพ D ขึ้นไปแล้ว โดยขนาดของบราที่ผู้หญิงญี่ปุ่นใส่มากที่สุดคือคัพ D

ซึ่งถ้าเราสงสัยว่า นี่อาจเป็นการสุ่มตัวอย่างแบบมีอคติหรือเปล่า? ผลเป็นแบบนี้เพราะคนนมใหญ่ๆ เขาชอบใส่ Triump กันเหรือเปล่า? เราก็อยากจะบอกว่ามันมีการสำรวจจากอีกสำนัก ซึ่งก็คือบริษัทเครื่องสำอาง Love Cosme ซึ่งยืนยันตรงกันว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีนมคัพ D จริงๆ นี่คือมาตรฐาน โดยจังหวัดที่ใหญ่กว่ามาตรฐานที่มีนมเฉลี่ยคัพ E ไอ้แก่ โอซาก้า คานากาวะ ชิบะ และฟุกุโอกะ (ใครว่างๆ ไปเดินดูเพื่อพิสูจน์หน่อยว่าจริงไหม)

พูดง่ายๆ คนญี่ปุ่นก็คงนมใหญ่ขึ้นจริงๆ หรืออย่างน้อยก็คงจะใส่บราขนาดใหญ่ขึ้นจริงๆ 

ว่าแต่อะไรคือคำอธิบายล่ะ?

คำอธิบายพื้นฐานคือ การเปลี่ยนแปลงไปของอาหารการกิน ซึ่งจริงๆ ถ้าใครพอรู้ประวัติศาสตร์อาหารญี่ปุ่นก็คงจะรู้ว่ายุคทศวรรษ 1980 คือยุคเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นบูมเต็มที่ แล้วธุรกิจอาหารก็โตสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นยุคที่คนกินดีอยู่ดี กินเนื้อสัตว์เยอะที่สุดแล้วตั้งแต่มีประเทศญี่ปุ่นมา

พูดอีกแบบคือ คนญี่ปุ่นนั้นกินอาหารที่มีเนื้อ นม ไข่หรือโปรตีนและไขมันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ยุคนั้น และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลบางส่วนที่ทำให้คนญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นมาในทุกวันนี้

ซึ่งในทางชีววิทยา ขนาดนมของผู้หญิงนั้นถูกกำหนดราวๆ 70-80 เปอร์เซ็นต์ โดยพันธุกรรมจริง แต่ในส่วนที่เหลือ อาหารก็ส่งผลได้เช่นกัน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่คนญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพราะการเปลี่ยนแปลงของอาหารการกิน

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่จะไม่มีข้อถกเถียง เพราะอย่างน้อยผู้เชี่ยวขาญด้านความงามก็ตั้งข้อสังเกตว่าจริงๆ การที่คัพ A ขายไม่ค่อยออกในยุคนี้ส่วนหนึ่งเพราะ วิธีการใส่บราของคนสมัยนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน คนสมัยก่อนไม่มีการโกยเนื้อจากด้านข้างตรงใต้รักแร้และด้านล่างเหนือพุงมาไว้บริเวณนมให้ดูนมใหญ่ขึ้น แต่คนสมัยนี้โกยกันเป็นมาตรฐาน 

ซึ่งถ้าพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของอาหารการกินแล้วก็ยิ่งดูจะสมเหตุสมผล เพราะคนผอมๆ ไม่มีไขมันเลยแบบสมัยก่อน ก็จะแทบไม่มีอะไรให้โกยมาใส่นมเพิ่ม แต่คนยุคใหม่ที่เจ้าเนื้อขึ้น มันก็มีส่วนของไขมันต่างๆ มาให้โกยเต็มไปหมด

แต่อีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ หรือว่าจริงๆ ที่นมใหญ่ขึ้นกันน่ะคือนมปลอมทั้งนั้น? อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าที่เราเห็นจากดารา AV หรือกราเวียร์กันน่ะนมปลอมเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมไปแล้ว แต่ในกรณีทั่วไป คนญี่ปุ่นไม่ติดอันดับประเทศที่ทำนมติด Top 10 ด้วยซ้ำ (มีการจัดอันดับหลายสำนัก และญี่ปุ่นไม่ติดสักโผ)

ทว่าอีกด้าน ญี่ปุ่นก็มีผลิตภัณฑ์ขยายนมจำนวนมากแบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม มีทั้งยากินให้นมใหญ่ มีทั้งคุกกี้กินแล้วเสริมนม มีทั้งคอร์สนวดนม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดก็อาจมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้คนญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นก็เป็นได้

สรุปแล้ว เอาจริงๆ ตั้งแต่อาหารการกิน เทคนิคการโกยนมใหม่ๆ ไปจนถึงเทคนิคการขยายนมสารพัดนั้น ก็น่าจะรวมกันเป็นปัจจัยที่ร่วมกันทำให้คนญี่ปุ่นนมใหญ่ขึ้นอย่างที่เป็นทุกวันนี้ 

แต่เหนือไปกว่าเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เป็นฐานให้คนมุ่งมั่นที่จะนมใหญ่โดยเจตนาก็น่าจะเป็นปัจจัยในทางวัฒนธรรมของการเป็นสังคมบ้านมของญี่ปุ่นนี่แหละ 

อ้างอิง