จาก Jean Harlow ถึง Sydney Sweeney สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ซับซ้อน ของ ‘สตรีผมบลอนด์’ ใน Pop Culture
ในวัฒนธรรมป๊อปร่วมสมัยมักมีทัศนคติอย่างหนึ่งที่เหมารวมว่าผู้หญิงผมบลอนด์คือผู้หญิงที่มีเสน่ห์ เซ็กซี่ มีความยั่วยวนทางเพศ และล่าสุดจากดราม่าของ ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ (Sydney Sweeney) ในโฆษณา American Eagles ก็ทำให้กระแส ‘สาวตาฟ้าผมบลอนด์’ กลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง
สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงผมบลอนด์มักถูกดันให้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญและโดดเด่นในวัฒนธรรมกระแสหลัก แต่ในหลายครั้งพวกเธอมักถูกมองผ่านสายตาโลมเลีย เสมือนเป็นวัตถุทางเพศ และถูกประเมินค่าต่ำผกผันกับชื่อเสียงและกระแสดราม่าที่พุ่งสูงขึ้น
หากมองย้อนกลับไปจริงๆ แล้ว ‘ผม’ ของผู้หญิงมีพลังเชิงสัญลักษณ์มายาวนาน ตั้งแต่ตำนานกรีก เทพีอะโฟรไดที (Aphrodite) เทพีแห่งความรักและความงาม ก็มักถูกพรรณนาว่ามีเรือนผมสีทองอร่าม อันเป็นต้นแบบของความงามในอุดมคติ ในขณะที่ เมดูซา (Medusa) หญิงสาวที่มีเส้นผมเป็นงู ก็เป็นตัวแทนของรูปลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัวและพลังอำนาจอันตรายของผู้หญิงที่แสดงออกผ่านเส้นผมเช่นกัน พลังของเส้นผมยังถ่ายทอดผ่านงานศิลปะยุควิกตอเรียนที่มักวาดภาพหญิงงามกับผมลอนสลวย สะท้อนถึงเสน่ห์ลึกลับและน่าค้นหา
เมื่อมาถึงช่วงยุคแรกของฮอลลีวูด เวลานั้นภาพลักษณ์ของนักแสดงหญิงสุดเซ็กซี่มักจะเป็นสาวผมเข้มที่เรียกว่า ‘Vamp’ มีความโดดเด่นในภาพยนตร์เงียบช่วงยุค 1920s แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อเทคโนโลยีการถ่ายทำและการฟอกสีผมที่ทำให้ ‘ผมบลอนด์แพลตินัม’ กลายเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมป๊อปขึ้นมาส่องประกายโดดเด่นบนฟิล์มขาวดำ
สตรีผมบลอนด์คนแรกที่สร้างปรากฏการณ์และกลายเป็นต้นแบบของสเตอริโอไทป์ ‘ผมบลอนด์ = เซ็กซี่’ หรือ ‘Blonde Bombshell’ คือ จีน ฮาร์โลว์ (Jean Harlow) ในช่วงทศวรรษ 1930 เธอคือภาพแทนของผู้หญิงเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยพลังดึงดูดทางเพศ ซึ่งภาพลักษณ์นี้ก็ได้ถูกส่งต่อไปยัง มาริลิน มอนโร (Marilyn Monroe) ในยุค 1950s ที่ตอกย้ำและขยายภาพจำนี้ให้กลายเป็นไอคอนระดับโลก
ภาพลักษณ์ของ Blonde Bombshell มักถูกเชื่อมโยงกับตัวละครประเภท ‘Femme Fatale’ ในภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์ (Film Noir) ที่มักฉายภาพหญิงสาวงดงามผู้เย้ายวนและนำพาหายนะมาสู่ทุกคนที่เธอมีความสัมพันธ์โรแมนติกด้วย
นอกจากนั้น บทบาทของมอนโรในภาพยนตร์เรื่อง ‘Gentlemen Prefer Blondes’ (1953) ยังสร้างอีกหนึ่งภาพเหมารวมคือ ‘Dumb Blonde’ หรือ ‘สาวผมบลอนด์ที่สวยแต่โง่’ อันเป็นภาพจำที่ทั้งถูกชื่นชมในความงาม แต่ก็ถูกดูแคลนในสติปัญญาไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม หนังสือ ‘British Blonde: Women, Desire and the Image in Postwar Britain’ ที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์วัฒนธรรม วิเคราะห์ว่าผู้หญิงผมบลอนด์กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ซับซ้อน ทั้งความไร้เดียงสา ความสวยงาม และเสน่ห์ที่อันตราย ทำให้สตรีผมบลอนด์ในวัฒนธรรมป๊อปถูกตีความทั้งในทางชื่นชมและถูกเหยียดไปพร้อมกัน
เมื่อมองในเชิงอุดมการณ์ความงามแบบตะวันตก (Western Beauty Standards) โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดเรื่องความเหนือกว่าของคนขาว (White Supremacy) ผมบลอนด์ตาฟ้ามักถูกนำเสนอให้เป็นความงามในอุดมคติสูงสุดของเชื้อชาติอารยัน หากแต่ส่งผลกระทบต่อบรรทัดฐานความงามในสังคมอย่างลึกซึ้งและเป็นวงกว้าง
ในยุคหลังสงคราม เพื่อหลีกหนีจากความแร้นแค้น ผู้หญิงผิวขาวในอังกฤษหลายคนมองว่าการย้อมผมสีบลอนด์คือหนทางสู่ชีวิตอันหรูหราลักชูรี ไม่เพียงเท่านั้น วัฒนธรรมบริโภคนิยมจากฝั่งอเมริกาที่หลั่งไหลเข้ามายังได้เน้นย้ำพลังของผู้หญิงผมบลอนด์ให้รุนแรงขึ้นไปอีก อย่างโฆษณาสีผมของแบรนด์ Clairol ที่มีสโลแกนว่า “If I’ve only one life, let me live it as a blonde!” เป็นการกระตุ้นให้ผู้หญิงเปลี่ยนตัวเองเพื่อไขว่คว้าชีวิตที่ดีและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นด้วยผมสีบลอนด์
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่ย้อมผมบลอนด์เหล่านั้นก็ต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อรักษาลุคที่โดดเด่นนี้ไว้ การดูแลรักษาสีผมที่ต้องทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอสะท้อนถึงความพยายามที่จะสร้างและรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ และมันสื่อถึงความสวยงามที่จำเป็นต้องปรุงแต่งไปพร้อมๆ กัน
แม้ว่ายุคหลังสังคมจะเปิดกว้างและพยายามทลายภาพเหมารวมต่างๆ แต่สัญลักษณ์ของสาวผมบลอนด์ยังคงทรงอิทธิพลและถูกนำมาตีความใหม่อยู่เสมอ ทั้งในโลกภาพยนตร์ ดนตรี และวงการบันเทิง เช่น ในยุค 80s-90s ‘มาดอนนา’ (Madonna) ได้หยิบภาพลักษณ์สาวผมบลอนด์มาบิดเบือน เพื่อท้าทายขนบสังคม เธอจำลองภาพของมาริลิน มอนโร ในมิวสิกวิดีโอ ‘Material Girl’ แต่เปลี่ยนบริบทจากหญิงสาวที่รอคอยผู้ชาย มาเป็นผู้หญิงที่ควบคุมเกมและใช้เสน่ห์ของตนเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จ เปลี่ยนคำจำกัดความของสาวผมบลอนด์ที่เคยถูกมองว่าเป็นวัตถุทางเพศ ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังหญิงที่มีสิทธิในร่างกายและอิสรภาพทางเพศของตนเอง
ในขณะที่ ‘บริตนีย์ สเปียร์ส’ (Britney Spears) ในยุค 2000s ก็ได้ฉายภาพสาวผมบลอนด์ไร้เดียงสาแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ร้อนแรง ทำให้ Blonde Bombshell ยังคงมีพลังดึงดูดในวงการเพลงและวัฒนธรรมป๊อป โดยชุดนักเรียนที่เธอใส่ในมิวสิกวิดีโอ ‘…Baby One More Time’ ได้สร้างภาพจำแบบเด็กสาวยั่วสวาท ทำให้บริตนีย์กลายเป็น Sex Object อย่างเลี่ยงไม่ได้ กระทั่งนำไปสู่การถูกคุกคามจากสื่ออย่างหนักในช่วงหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน เราก็จะเห็นความพยายามทลายภาพเหมารวมในช่วงเวลานั้น เช่น ภาพยนตร์เรื่อง ‘Legally Blonde’ (2001) ที่นำแสดงโดย รีส วิเธอร์สปูน (Reese Witherspoon) ที่พยายามหักล้างและทวงคืนภาพลักษณ์สาวผมบลอนด์ ด้วยการนำเสนอตัวละครที่ฉลาด มีความสามารถ และใช้ภาพลักษณ์ภายนอกให้เป็นประโยชน์เพื่อต่อสู้กับอคติที่ว่า ‘ผู้หญิงผมบลอนด์สวยแต่โง่’
แต่อย่างที่ได้เกริ่นไปในช่วงต้นว่า ภาพลักษณ์ของสาวผมบลอนด์กำลังกลับมาโดดเด่นและทรงพลังอีกครั้งในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ เช่น ซิดนีย์ สวีนีย์ (Sydney Sweeney) หรือ ซาบรีนา คาร์เพนเตอร์ (Sabrina Carpenter) ที่เรียกได้ว่าทั้งคู่ต่างเป็นไอคอนิก มีชื่อเสียงโดดเด่นอย่างมากในทางของตัวเอง
แต่ดูเหมือนว่าแนวคิด Blonde Bombshell ยังคงไม่หายไปจากวัฒนธรรมป๊อป ดังที่เราจะเห็นว่าซิดนีย์ สวีนีย์ มักถูกมองเป็น Sex object อย่างชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากบทบาทที่เธอได้รับ สื่อและสาธารณชนที่มักพูดถึงรูปร่างของเธอมากกว่าความสามารถทางการแสดง มีการสร้างมีม คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย และบทวิจารณ์ที่เน้นไปที่ร่างกายของเธอเป็นหลัก อันเป็นการลดทอนคุณค่าในฐานะนักแสดงของเธอ และทำให้เธอกลายเป็นเป้าสังคม ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องไปเสียหมด
ในทางกลับกัน ซาบรีนา คาร์เพนเตอร์ (Sabrina Carpenter) แม้ว่าในผลงานหลายชิ้นของเธอจะแสดงออกถึงความปรารถนาทางเพศอย่างชัดเจน แต่ภาพลักษณ์ของเธอกลับแตกต่างจากซิดนีย์อย่างสิ้นเชิง เพลงฮิตของเธออย่าง ‘Espresso’ หรือ ‘Nonsense’ มีเนื้อหาที่ยั่วยวนและสนุกสนาน แต่ก็เต็มไปด้วยความฉลาดและไหวพริบ เธออาจกำลังแสดงออกว่าเธอไม่ได้ถูกใครทำให้เป็นวัตถุทางเพศ แต่เป็นตัวเธอเองที่เลือกใช้เสน่ห์ของตนเพื่อแสดงออกถึงความมั่นใจ คล้ายกับที่มาดอนนาเคยทำ แต่เป็นในแบบฉบับของ Gen Z
อย่างไรก็ตาม จากที่เล่ามาทั้งหมด เราจะเห็นว่าสาวผมบลอนด์อาจไม่ได้เป็นเพียงสีผม หากแต่เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ถูกฝังรากมาอย่างยาวนาน ความเป็นบลอนด์ถูกตีความ ท้าทาย และถูกสร้างสรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกยุคสมัย ตั้งแต่สัญลักษณ์แห่งความงาม ไปจนถึงบทบาทที่เต็มไปด้วยอำนาจและความซับซ้อนทางเพศ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย ผู้หญิงยังคงถูกประเมินค่าและตัดสินจากสายตาแบบใดแบบหนึ่งอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสายตาชื่นชม หรือสายตาที่ลดทอนคุณค่า ความเป็นหญิงยังคงเชื่อมโยงกับความคาดหวังและอคติของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ้างอิง:
- ‘It’s almost like a weapon’: How the blonde bombshell has symbolised desire and danger https://shorturl.asia/cD2ng
- femme fatale https://shorturl.asia/U3RfS
- Blonde stereotype https://shorturl.asia/Lp3G5