ถ้าพูดถึงธุรกิจอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน เชื่อว่าจะต้องมีชื่อของ ‘เบทาโกร’ เป็นหนึ่งในแบรนด์ Top of mind ของใครหลายคนอย่างแน่นอน โดยเบทาโกรถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารด้วยโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรมากว่า 55 ปี และกำลังจะก้าวสู่การเติบโตไปอีกขั้น ด้วยแผนการทำ IPO และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร็ว ๆ นี้
เบทาโกร หรือ BTG เป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล ที่ประกอบธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุกรและสัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟาร์ม และการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
เบทาโกร มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมผลิตอาหารคุณภาพสูงและปลอดภัย โดยมีรูปแบบการทำธุรกิจแบบครบวงจร (Vertically Integrated Business Model) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิต และบริหารจัดการกระบวนการดำเนินงานได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ การเลี้ยงปศุสัตว์และจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์สัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงการผลิต แปรรูป และจำหน่ายอาหารที่มีมาตรฐานสูง
นอกจากแบรนด์หลักอย่าง BETAGRO แล้ว บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น S-Pure แบรนด์พรีเมียมของผลิตภัณฑ์เนื้อสด อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูปอนามัยสูง และ ITOHAM แบรนด์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม ซึ่งการมีแบรนด์ที่หลากหลายเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มพรีเมียม ผู้บริโภคทั่วไป และกลุ่มที่เน้นความคุ้มค่า ภายใต้มาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารซึ่งอยู่ในกลุ่มระดับสูงที่สุดของอุตสาหกรรม
เห็นได้ว่า สิ่งที่ทำให้เบทาโกรสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ได้ทั้ง B2B และ B2C คือ การมีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ซึ่งมีทั้งช่องทางการส่งออก ช่องทางผู้ให้บริการด้านอาหาร (Food Service) ช่องทางธุรกิจค้าปลีกแบบสมัยใหม่ ช่องทางธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม และช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่สำคัญยังทำให้เบทาโกรเข้าถึง และรับรู้ความชื่นชอบของลูกค้าได้โดยตรง และสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตามความชื่นชอบของลูกค้าอีกด้วย
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันเบทาโกรได้ยื่นแบบ Filing เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 500,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัท กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทฯ ได้ที่ www.betagro.com
อ้างอิง
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ.เบทาโกร ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th