3 Min

ทำไมผู้ประท้วงฝรั่งเศสชอบ ‘เผารถ’ จากธรรมเนียม ‘ฉลองปีใหม่’ ของแก๊งสเตอร์ สู่ค่านิยมที่ไม่น่าจดจำ

3 Min
542 Views
03 Jul 2023

อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ

ที่จริงแล้ว การ ‘เผารถ’ ในฝรั่งเศส ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในการประท้วงเพียงอย่างเดียว เพราะเหล่าอันธพาลที่มีอิทธิพลในชุมชนต่างๆ ของฝรั่งเศสมีธรรมเนียม ‘เผารถ’ ฉลองปีใหม่กันมาตั้งแต่ช่วงปี 1990’s และการเผารถที่พบในการประท้วงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นปลายเดือนมิถุนายน 2023 ลามมาถึงต้นเดือนกรกฎาคม ไล่เลี่ยกับวันครบรอบการทลายคุกบาสตีย์ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นชนวนการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ฝรั่งเศสในอดีต

การประท้วงในฝรั่งเศสครั้งล่าสุดที่บานปลายจนถูกเรียกว่า ‘การจลาจล’ เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมิถุนายน (27 มิถุนายน 2023) จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2023 รวมเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน ทำให้มีผู้ถูกจับกุมราว 2,186 คน ตำรวจบาดเจ็บกว่า 200 คน มีร้านค้าและอาคารสถานที่ถูกปล้นและเผาราว 700 แห่งทั่วประเทศ แต่สิ่งที่ตกเป็นเป้าแห่งการเผามากที่สุด คือ ‘รถยนต์’ รวมกว่า 2,000 คัน

นักสังคมวิทยาฝรั่งเศสเคยบอกไว้ว่า ธรรมเนียมการ ‘เผารถ’ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในการประท้วงเท่านั้น เพราะนี่คือธรรมเนียมของบรรดา ‘แก๊งอันธพาล’ ประจำย่านและท้องถิ่นต่างๆ ของฝรั่งเศสที่เริ่มตั้งแต่ปี 1990’s เป็นต้นมา โดยในแต่ละปีจะมีการ ‘เผารถ’ นับร้อยๆ คันในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และสถิติช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมาก็บ่งชี้ว่ามีรถถูกเผาถึง 690 คันทั่วประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์ประท้วงหรือจลาจลใดๆ

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการฉลองที่ลุกลามเกินควบคุมของกลุ่มอันธพาลที่ต้องการ ‘ประกาศศักดา’ ว่าเขตที่ตัวเองเป็นเจ้าถิ่นสามารถ ‘ท้าทาย’ ทั้งคู่อริต่างถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐได้ ทั้งยังช่วยให้แก๊งสามารถครอบครอง ‘พื้นที่สื่อ’ อย่างง่ายดาย เพราะต้องมีการรายงานข้อมูลเรื่องนี้ในแต่ละปี

ด้วยเหตุนี้ คนฝรั่งเศสจำนวนมากจึงไม่รู้สึกว่าการประท้วงครั้งล่าสุดที่เริ่มขึ้นปลายเดือนมิถุนายน 2023 จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงหรือแปลกประหลาด เพราะแค่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ก็มีการประท้วงนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการขยายเวลาเกษียณอายุเป็น 64 ปี และก็มีทั้งการชุมนุมโดยสงบ รวมถึงการใช้กำลังและความรุนแรงปะทะกับเจ้าหน้าที่จนถึงขั้นเผารถ-เผาร้าน และเผาสถานที่สาธารณะอื่นๆ

แต่การประท้วงล่าสุดนี้แตกต่างจากการประท้วงต้านนโยบายขยายเวลาเกษียณอายุอยู่บ้าง เพราะการชุมนุมครั้งที่ผ่านมามีผู้ชุมนุมที่เป็นทั้งคนวัยทำงานตั้งแต่ 30 ต้นๆ ไปจนถึง 60 ปีมาเข้าร่วม ขณะที่การประท้วงครั้งล่าสุด เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2023 เป็นเหมือนการ ‘ระเบิดพลัง’ ของเหล่าวัยรุ่นที่ไม่พอใจกับบรรยากาศสังคมที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่เป็นลูกหลานของผู้อพยพซึ่งรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้าแห่งการเลือกปฏิบัติอยู่เสมอ เพราะราว 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมด คือ เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี

เรื่องนี้มีเหตุผล เพราะชนวนการประท้วงครั้งนี้คือความตายของ นาเอล แมร์ซุก (Nahel Merzouk) วัยรุ่นผิวดำชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย วัย 17 ปี ซึ่งถูกตำรวจเรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจค้นที่เมืองนองแตร์ ทางตะวันตกของกรุงปารีส และเหตุการณ์บานปลายเมื่อตำรวจยิงวัยรุ่นนาเอลเสียชีวิต โดยอ้างว่าเขาขัดขืนและพยายามหลบหนี แต่ก็มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจเลือกสุ่มตรวจเฉพาะคนผิวดำ และเรื่องคล้ายๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วหลายครั้ง

ความตายของมาเอลเป็นการชนวนจุดความไม่พอใจให้คนหนุ่มสาวฝรั่งเศสออกมาประท้วง-เรียกร้องความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต และแสดงพลังความเกรี้ยวกราดที่มีต่อการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในระหว่างที่คนหนุ่มสาวออกมาประท้วง ก็มีการจุดไฟเผารถไปกว่า 2,000 คัน มีการปล้นร้านค้า และทำลายสถานที่ต่างๆ รวมถึงการที่ผู้ชุมนุมเผารถยนต์พุ่งชนบ้านพักนายกเทศมนตรีของเมือง ทำให้ภรรยาและลูกสาวของนายกเทศมนตรีบาดเจ็บรุนแรง

นอกจากนี้ สื่อหลายสำนักยังระบุด้วยว่าการประท้วงครั้งล่าสุดในฝรั่งเศส เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะวันที่ 14 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ตรงกับวันครบรอบการทลายคุกบัสตีย์ (Bastille) เมื่อปี 1789 ซึ่งเป็นหมุดหมายของการเริ่มต้นลุกฮือเพื่อล้มล้างราชวงศ์ฝรั่งเศสในอดีต และกลายเป็นวันชาติฝรั่งเศสในปัจจุบัน

อ้างอิง