“เผด็จการมีชีวิต ศิลปะจึงถูกคุกคาม” ย้อนดูชะตากรรมศิลปะในยุคสมัยฮิตเลอร์
ในช่วงเวลาที่ฮิตเลอร์ครองอำนาจ เขาได้ลงมือทำลายศิลปวัตถุจำนวนกว่าล้านชิ้น ทั้งเผาทำลาย และยึดเอาขายเป็นทุนรอนของพรรคนาซี
ศิลปะที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ คือ ศิลปะสมัยใหม่ (Modern Art) และศิลปะนามธรรม (Abstract Art)
แม้ฮิตเลอร์จะมีความรักให้ศิลปะแบบสัจนิยม (Realism Art) แต่เขากลับเกลียดชังศิลปะสองประเภทข้างต้นถึงขั้น ‘เข้าไส้’ เขาบอกว่า ศิลปะสมัยใหม่บิดเบือนความเป็นจริง ทำให้ไม่เห็นสีสันและรูปทรงที่แท้ของธรรมชาติ ถ้าคนเยอรมันเสพศิลปะเหล่านั้น จะทำให้จิตใจบิดเบี้ยว แปดเปื้อน

ฮิตเลอร์ในนิทรรศการ “ศิลปะเสื่อมทราม” | The New York Times
เขาจึงบัญญัติชื่อให้งานศิลปะเหล่านั้นใหม่ให้เป็น ‘ศิลปะเสื่อมทราม’ (Degenerate Art) และมุ่งมั่นจะกำจัดศิลปะแนวนั้นให้หมดสิ้นไป
“จากนี้ไป เราจะเริ่มต้นทำสงครามอย่างไม่หยุดหย่อน สงครามแห่งการชำระล้าง สงครามที่จะไล่ล่าทำลายล้างอะไรก็ตามที่จะมาเป็นปฏิปักษ์ต่อศิลปะของเรา”
ฮิตเลอร์กล่าวไว้ในสุนทรพจน์ วันที่ 19 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1937 ที่งาน Great German Art Exhibition เมือง Munich
แน่นอนว่ากลุ่มเคลื่อนไหวทางศิลปะสมัยใหม่ เช่น ลัทธิคิวบิสม์ (Cubism) อิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) ดาด้า (Dada) เซอร์เรียลลิสม์ (Surrealism) โฟวิสม์ (Fauvism) เอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism) และอื่นๆ เหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบจากนโยบายของฮิตเลอร์
ศิลปินในยุคสาธารณรัฐไวมาร์อย่าง ‘ออตโต ดิกซ์ (Otto Dix)’ ถูกนาซีหมายหัว ในฐานะศิลปินชั้นต่ำที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสาธารณรัฐเสื่อมทราม

Otto Dix | Wikipedia
รู้จักกับออตโต ดิกซ์ (Otto Dix)
ดิกซ์เป็นจิตรกรที่ไม่ได้ต้องการเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจให้แก่วีรบุรุษสงคราม บางครั้งทหารในภาพวาดของดิกซ์ก็ทำกิจกรรมน่าหวาดระแวง เช่น เล่นไพ่ และเขายังวาดภาพทหารผ่านศึกในรูปแบบที่ร่างกายพิกลพิการ อมนุษย์เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนลัทธิชาตินิยม และทหารนิยมอันอัปลักษณ์ที่นำพาเยอรมนีไปสู่โศกนาฏกรรมในปี 1919
“ตอนนั้นในไวมาร์ มีแต่คนตีพิมพ์หนังสือยกย่องวีรกรรมของทหาร ไอ้แนวคิดพรรค์นี้มันล้าสมัยไร้แก่นสารไปตั้งแต่หลังสงครามโลกแล้ว ผู้คนเริ่มลืมเลือนหายนะอันแสนเจ็บปวด”
ดิกซ์กล่าวถึงที่มาของภาพวาดชิ้นเอก ‘Der Kreig (สงคราม)’

รูปวาด Der Kreig | Wikipedia
เมื่อฮิตเลอร์เห็นภาพวาดของเขาเป็นครั้งแรก ก็ประกาศกร้าวว่า “มันเป็นความอัปยศอย่างมากที่เราไม่สามารถจับคนเหล่านี้เข้าคุกได้”
ดิกซ์ถูกกดดันให้ออกจากงานในสถาบันศิลปะ
ผลงานหลายชิ้นของดิกซ์ถูกเผา อีกทั้งเขาถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมในสภาวิจิตรศิลป์ของอาณาจักรไรซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้ชายคาของกระทรวงวัฒนธรรม ในการควบคุมของ ‘โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ (Joseph Goebbel)’ รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและโฆษณาชวนเชื่อ
ดิกซ์ถูกบังคับให้สาบานว่าจะวาดแต่ภาพทิวทัศน์อันเรียบง่าย ไม่ก้าวร้าวรุนแรง และถูกบังคับให้วาดภาพเชิดชูอุดมการณ์ของลัทธินาซี เช่นเดียวกับศิลปินเยอรมันหลายคนในยุคนั้น
นอกเหนือจากดิกซ์แล้ว ก็ยังมี ‘วาซิลี คานดินสกี้ (Wassily Kandinsky)’ ศิลปินนามธรรมคนสำคัญ ก็ถูกคุกคามจากเผด็จการเช่นกัน

Wassily Kandinsky | Wikipedia
ในช่วงปี 1937 นาซียึดภาพวาดของคานดินสกี้จำนวน 57 ภาพ
นี่ถือเป็นหนึ่งในภารกิจกวาดล้าง ‘ศิลปะชั้นเลว’ ตามนโยบายของฮิตเลอร์
ถ้าถามว่าทำไมงานศิลปะแนวนามธรรม อย่างเช่น งานของคานดินสกี้ หรือของดิกซ์ ถึงเป็นที่จงเกลียดจงชังในยุคนั้นนัก หนึ่งในเหตุที่เป็นไปได้ ก็น่าจะเพราะศิลปะแนวนี้ มันกระตุ้นให้คนใช้สมอง และเปิดโอกาสให้คนแสดงออกทางความคิดอย่างเสรี…
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำ ‘เผด็จการ’ อย่างฮิตเลอร์ไม่ต้องการ
อ้างอิง:
- Matichonweekly. นาซีกับศิลปะ จอมเผด็จการผู้หลงใหลในศิลปะ. https://bit.ly/3973IlW
- Matichonweekly. นาซีกับศิลปะ การกวาดล้างศิลปะเสื่อมทราม ของจอมเผด็จการ (จบ). https://bit.ly/393G6hW
- Der Fuehrer. Adolf Hitler: Speech in Munich. https://bit.ly/3lFD1db
- ภาณุ ตรัยเวช. ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง. มติชน. 2559