ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเห็นคนรุ่นใหม่หันไปคุยกับ AI เหมือนเพื่อนคนหนึ่งกันมากขึ้น เพราะมันพร้อมตอบเรา 24 ชั่วโมง รวมถึงตอบทุกคำถาม ไม่เคยเกี่ยงงอนหรือหายไปไหน จนดูราวกับว่าเราและ AI เป็นเพื่อนคนหนึ่งของกันและกันจริงๆ
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมีชื่อเรียกว่า ‘Artificial Intimacy’ – หรือความใกล้ชิดแบบจำลอง ที่สามารถทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกเข้าใจได้ ทั้งที่โดยบริบทแล้วทั้งหมดเป็นเพียงการตอบกลับที่ออกแบบมาให้เหมาะกับเรา
บทความของ Psychology Today เคยกล่าวถึงความสัมพันธ์ลักษณะนี้ โดยระบุว่า เด็กๆ แม้อาจรู้ว่าอีกฝั่งคือโปรแกรม แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะรู้สึกราวกับว่ามันคือเพื่อนจริงๆ เพราะ ‘ความรู้สึกเชื่อมโยง’ เกิดขึ้นจากการกระทำซ้ำๆ เช่น สุภาพอย่างสม่ำเสมอ ตอบกลับทันที ไม่ตัดสินเรา จึงเกิดความรู้สึกผูกพันฝ่ายเดียวขึ้นมา
แม้ปฏิสัมพันธ์ประเภทนี้ช่วยลดความเหงาได้จริงในระยะสั้น แต่หากเราใช้มันมากเกินไป และไม่มีการสื่อสารกับมนุษย์จริงๆ ก็อาจพลาดการพัฒนาทักษะทางสังคม และอาจทำให้ความรู้สึกเหงาแทรกซ้อนขึ้นจนกลายเป็นรูปแบบอื่นได้
นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ AI ยังชวนให้เรากลับไปสำรวจเคสที่น่าสนใจในเด็กและวัยรุ่น ยกตัวอย่าง บทความจาก Psychology Today เรื่อง ‘In a World of AI Companions What Do Teens Need From Us?’ ระบุว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นเคยใช้ AI เพื่อให้รู้สึกว่า ‘มีใครอยู่ด้วย’ แต่ระบบเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยทางอารมณ์โดยเฉพาะ อีกทั้งการสำรวจโดย Common Sense Media ยังประเมินว่าระบบเหล่านี้ยังขาดการควบคุมเรื่องเนื้อหา ความเหมาะสม หรือความโปร่งใสที่มากพอ
แต่ก็ใช่ว่า AI จะไม่มีประโยชน์เลย… เพราะงานวิจัยบางชิ้นจาก ArXiv ชี้ว่า AI สามารถช่วยลดความเหงานานประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้ หากใช้อย่างสมเหตุสมผล และรู้ว่าเป้าหมายคือการจัดการอารมณ์ชั่วคราว ไม่ใช่ใช้งานเพื่อทดแทนเพื่อนจริงๆ
แล้วเราจะใช้ AI เป็น ‘เพื่อนคุย’ อย่างรู้เท่าทันได้อย่างไร?
หากจะคุยกับ AI ต้องตระหนักเสมอว่ามันเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการเรียบเรียงความคิด เพื่อระบาย หรือเป็นเสมือนเพื่อนไว้คอยตอบคำถาม แต่มันไม่ได้มีหัวใจและความเข้าใจแบบมนุษย์จริงๆ ดังนั้นคำตอบที่มาจาก AI จึงไม่ได้ถูกต้องหรือตรงกับความเป็นจริงเสมอไป
เปิดบทสนทนาเรื่องนี้กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะสำหรับเด็ก-วัยรุ่น อาจจะเริ่มต้นจากการเล่าให้พ่อแม่หรือครูฟังว่าคุยกับ AI ยังไง เพื่อให้คนรอบตัวได้เริ่มต้นที่จะทำความเข้าใจเรา เพราะบางเรื่องที่เราเล่าให้ AI ฟังก็อาจเป็นเรื่องที่เราอยากพูดกับใครสักคนแต่ไม่กล้า
เติมเต็มชีวิตด้วยความสัมพันธ์จริง ลองหากิจกรรมร่วมกับคนที่เราชอบ แม้บทสนทนากับเพื่อนหรือครอบครัวจะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็… ‘มีหัวใจ’ และ ‘มีชีวิต’ ในการโต้ตอบบทสนทนากับเรา
ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยส่งเราไปหาคนจริง หรือใช้ AI เป็นผู้ช่วยระดมความคิด
อย่างการเตรียมบทสนทนา และจัดการอารมณ์ก่อนพบเจอคนในชีวิตจริง
ท้ายสุด MOODY เชื่อว่า AI อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกตอน ‘เร่งด่วน’ อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกปัญหาเสมอไป แต่ถ้าเราใช้เป็นแค่ ‘จุดเริ่มต้น’ ในการกลับมาสร้างสัมพันธ์กับคนรอบตัว เราอาจจะได้ฐานใจที่แข็งแรง และไม่เหงาในระยะยาวก็ได้นะ 🌱
อ้างอิง:
- Psychology Today: Kids and Chatbots: When AI Feels Like a Friend (2025) https://shorturl.at/5NJ1U
- Common Sense Media: Teens and AI Companions: What Parents Should Know (2024) https://shorturl.at/7mAa2