“จุ๊มเหม่งมีอารายยย?” วิจัยล่าสุดเผย มนุษย์บางคนสามารถเข้าใจอารมณ์ของสัตว์ผ่านเสียงได้แล้ว
ถ้าเป็นคอหนังสมัยก่อน เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ Doctor Dolittle ภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย เอ็ดดี เมอร์ฟี (Eddy Murphy) เป็นอย่างดี หรือในยุคปัจจุบันก็อาจจะคุ้นกับเวอร์ชั่นที่นำแสดงโดย โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) อยู่บ้าง ซึ่งเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ว่าด้วยตัวละครคุณหมอดูลิตเติล สัตวแพทย์ที่มีความสามารถในการ ‘สื่อสาร’ กับสัตว์ได้
แน่นอนว่าเนื้อหาในหนังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับสุนัข ลิง ไปจนถึงหมี ล้วนเป็นจินตนาการของผู้แต่ง แต่รู้ไหมว่าในตอนนี้ มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยที่พยายามจะเป็นดอกเตอร์ดูลิตเติลในชีวิตจริงอยู่เหมือนกัน อย่างล่าสุดที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ดร.เอโลดี บรีเฟอร์ (Dr. Elodie Briefer) และทีมงาน ก็ได้มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Royal Society Open Science ว่าด้วยการทำความเข้าใจ ‘เสียง’ ของสัตว์ว่าพวกมันกำลังสื่อสารอารมณ์อะไรอยู่
“ตามปกติมนุษย์อาจตัดสินอารมณ์ของสัตว์ผ่านพื้นฐานความเข้าใจของตัวเอง เช่น ถ้าสุนัขตัวหนึ่งส่งเสียงคล้ายเสียงเวลามนุษย์หงุดหงิด มนุษย์ก็จะแปลความไปเองว่าสุนัขตัวนั้นกำลังหงุดหงิดอยู่ แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เลย การส่งเสียงสื่อสารของสัตว์ล้วนมีความแตกต่างกันไปในแต่ละสปีชีส์ ดังนั้นการทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้จึงเป็นสิ่งจำเป็น” ดร.บรีเฟอร์กล่าว
และจากความตั้งใจนั้นเอง เขาและทีมงานจึงออกแบบการทดลองโดยบันทึกเสียงร้องของสัตว์ 6 ชนิด ประกอบไปด้วยม้าที่เลี้ยงในคอก ม้าที่เติบโตในป่า แพะ วัว หมู และหมูป่า เพื่อดูว่าเมื่อสัตว์แสดงปฏิกิริยาเชิงบวกอย่างการหาอาหาร และปฏิกิริยาเชิงลบอย่างการถูกจับขังแยกเดี่ยว พวกมันส่งเสียงอย่างไรกันบ้าง
หลังจากนั้นเมื่อได้ยินเสียงที่แสดงถึงอารมณ์ต่างๆ แล้ว ทีมวิจัยจึงขอให้อาสาสมัครกว่า 1,024 คนทั่วโลกมาลองฟังเสียงเหล่านั้นแบบออนไลน์ เพื่อดูว่ามนุษย์สามารถจับคู่เสียงกับอารมณ์ที่สัตว์กำลังเจออยู่ได้หรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่ามีถึง 55.3 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถเข้าใจอารมณ์ของสัตว์ได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะความเข้าใจต่อสัตว์ที่เติบโตมาผ่านการเลี้ยงดูของมนุษย์นั้นมีค่าสูงกว่าสัตว์ป่าอย่างมีนัยสำคัญ
“จากผลการทดลองนี้ ผมคิดว่าถ้าเราลองยกระดับขั้นของงานวิจัยขึ้นไปในอนาคต ไม่แน่ว่าวันหนึ่งมนุษย์อาจจะสามารถจดจำเสียงของสัตว์ และเข้าใจพวกมันอย่างง่ายดายก็ได้” ดร.บรีเฟอร์ทิ้งท้าย
ฟังแบบนี้ก็ได้แต่คิดนะ ว่าถ้าสุดท้ายผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้เกิดขึ้นจริง มันจะดีต่อเราและสัตว์ที่เราเลี้ยงขนาดไหน เพราะเราเองก็จะได้รู้ว่ามันต้องการอะไร หรือในกรณีที่ส่งผลต่อชีวิตที่สุด คือยามมันเจ็บป่วย เราจะได้รับรู้และทำการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นถ้าจะบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่น่าจับตามองคงไม่เกินเลยไปนัก เพราะในฐานะคนที่มีสัตว์เลี้ยง เราก็อยากเข้าใจน้องๆ ของเราและซัพพอร์ตมันเท่าที่จะทำได้ล่ะนะ
อ้างอิง
- Talk to the animals? Study shows some human understanding of creatures’ sounds. https://bit.ly/3UJ9oHN