ทำไม ‘รถโรงเรียน’ ในสหรัฐอเมริกา ถึงเป็น ‘ยานพาหนะที่ปลอดภัยที่สุด’ บนท้องถนน?
จากกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้อันน่าเศร้าในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทำให้สังคมไทยต้องกลับมาคิดหลายเรื่องใหม่ ตั้งแต่ความจำเป็นของการทัศนศึกษา ไปจนถึงมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสาร
อย่างไรก็ดี หากเราเรียนรู้เรื่องนี้จากต่างประเทศ และนำเอา ‘บทเรียน’ กลับมาใช้อย่างจริงจัง เหตุน่าเศร้าแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นอีก หรืออาจเกิดน้อยลงแน่ๆ
และบทเรียนที่อยากจะเล่าในวันนี้ ก็คือประเด็นเรื่อง ‘การออกแบบ’ และ ‘มาตรฐานความปลอดภัย’ ของรถโรงเรียนในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยานพาหนะที่ ‘ปลอดภัยสุด’ บนท้องถนน
จากมุมของชาติพัฒนาแล้วส่วนใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศ ‘บ้ารถยนต์’ หรือเป็นประเทศที่ไม่ค่อยพัฒนาการขนส่งมวลชนแบบรางเท่าไหร่ และเน้นให้คนใช้การเดินทางบนท้องถนนเป็นหลัก ทั้งนี้ในจักรวาลของการบ้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้ออกแบบยานยนต์ทุกชนิดให้ปลอดภัยเท่ากัน แต่ยานพาหนะที่ถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยที่สุดบนท้องถนน เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางโดยสวัสดิภาพได้ตลอดรอดฝั่งก็คือ ‘รถโรงเรียน’ อันเป็นยานพาหนะของกลุ่มคนที่ถือว่าเป็น ‘อนาคตของชาติ’
สหรัฐอเมริกาค่อนข้างจริงจังและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก หากไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ของกรมความปลอดภัยทางท้องถนนแห่งชาติ (National Highway Traffic Safety Administration) ที่ระบุไว้ว่า ‘ความตายบนท้องถนนในสหรัฐอเมริกานั้นเกิดขึ้นกับรถโรงเรียนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น’
นอกจากนี้ ในรอบปี 2013-2022 มีผู้เสียชีวิตจากการโดยสารรถโรงเรียนเพียง 111 ชีวิต และในบรรดาผู้เสียชีวิตเป็น ‘คนขับ’ ไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็น ‘ผู้โดยสาร’ หรือสามารถพูดให้เข้าใจขึ้นได้ว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนอเมริกันต้องเสียชีวิตจากการโดยสารรถโรงเรียนไม่ถึง 100 ชีวิต
และหากถามว่าสหรัฐอเมริกาเป็นแบบนี้มาโดยตลอดหรือไม่? คำตอบคือไม่ใช่
ในอดีตเคยมีอุบัติเหตุและเหตุน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับรถโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายมีการจัดประชุมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้าง ‘ระเบียบ’ บางอย่าง ที่จะทำให้รถโรงเรียนปลอดภัยขึ้น
ต่อมาในปี 1939 เป็นต้นมา ก็มีระเบียบเพื่อจะทำให้การโดยสารของนักเรียนปลอดภัยขึ้น และก็มีการอัปเดตมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
แล้วอะไรทำให้รถโรงเรียนปลอดภัย?
จริงๆ มีหลายสาเหตุหลายประการในแง่ของงานออกแบบ ที่จะอธิบายแต่ละประเด็นสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ดังนี้
- สี: รถนักเรียนต้องมีสีเด่นชัดให้คนเห็นได้แต่ไกล โดยสหรัฐอเมริกาเลือกใช้สีเหลืองสด
- ระบบกันพลิกคว่ำ: รถโรงเรียนต้องมีน้ำหนักมาก และติดตั้งระบบกันพลิกคว่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนชนแล้วพลิกคว่ำ
- ระบบกันชน: น้ำหนักที่มากและขนาดที่ใหญ่ของรถนักเรียนทำให้เวลาโดนชนแรงกระแทกจะน้อย แต่เท่านั้นไม่พอ ที่นั่งในรถโรงเรียนขนาดใหญ่จะตั้งติดๆ กัน และหลังเบาะจะมีระบบกันกระแทก เพื่อให้เวลาถูกรถชนนั้น นักเรียนจะไม่ได้รับอันตรายแม้ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย ส่วนรถโรงเรียนขนาดเล็ก ทุกที่นั่งต้องมีเข็มขัดนิรภัย
- ระบบช่วงล่างพิเศษ: รถโรงเรียนมีระบบช่วงล่างที่กระจายน้ำหนักเป็นพิเศษและแยกจากส่วนบน ซึ่งทั้งทำให้รถมีความมั่นคงและสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่ารถยนต์ปกติมากๆ
- กระจกที่แข็งแรงมาก: รถโรงเรียนมีระเบียบว่าจะต้องมีกระจกที่แข็งแรงระดับที่ทุบแล้วไม่แตก
- มีระบบไฟแจ้งเตือน: รถโรงเรียนจะติดป้ายไฟเหลืองและแดงเพื่อส่งสัญญาณกับยานพาหนะรอบๆ ว่าจะมีการหยุดรับส่งนักเรียน โดยตอนหยุดจะมีป้าย ‘Stop’ ออกมาให้เห็นชัดเจน
ทั้งหมดเป็นเรื่องของ ‘โครงสร้าง’ ของรถโรงเรียนอเมริกันเท่านั้น ที่ทำให้รถมีความปลอดภัยเป็นพิเศษ ยังไม่ต้องนับเรื่องอื่น เช่น การมีกฎหมายกำหนดห้ามแซงรถโรงเรียนเวลารถขึ้นไฟแดงและมีป้าย Stop โผล่ออกมา ไปจนถึงการจ่ายค่าจ้างคนขับรถโรงเรียนในอัตราที่เหมาะสม พร้อมมีสวัสดิการที่ดีและมีการอบรมเพิ่มทักษะอาชีพเรื่อยๆ
แน่นอน ที่ว่าทั้งหมดนี้หลายคนก็อาจบอกว่าจริงๆ สังคมสหรัฐอเมริกามีอันตรายมากมายจากทั้งเหตุกราดยิงและการคุกคามของพวกสุดขั้วทางการเมือง
แม้เหตุเหล่านี้ก็ไม่ได้ห่างจากสถานศึกษาเท่าไหร่นัก ดังนั้น ถึงรถโรงเรียนจะปลอดภัย แต่มิติอื่นๆ ของชีวิตก็อันตรายอยู่ดี แต่ก็เป็นดังเช่นทุกสังคมที่เราไม่อาจทำให้ทุกพื้นที่และทุกกิจกรรมปลอดภัยได้ แต่เราสามารถทำให้บางพื้นที่และบางกิจกรรมปลอดภัยเป็นพิเศษได้ด้วยการสร้างมาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งรถโรงเรียนและการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียนในสหรัฐอเมริกาถือเป็นหนึ่งในการเดินทางที่ ‘ปลอดภัยเป็นพิเศษ’ และนี่ก็สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่สังคมที่มีอันตรายรอบด้านก็ยังให้ความปลอดภัยกับ ‘อนาคตของชาติ’ เป็นพิเศษในลำดับต้นๆ เช่นกัน
อ้างอิง
- American Student Transportation. Why Are School Buses the Safest Vehicles on the Road? https://shorter.me/XK8oR
- National Highway Traffic Safety Administration. School Bus Safety. https://shorter.me/uTXIi