ถ้าคุณอยากขอบคุณ ‘คนคิดแอร์’ ให้มนุษยชาติได้อยู่เย็นเป็นสุข ก็จงขอบคุณหมอนี่เลย
ช่วงนี้อากาศร้อนสุดๆ แน่นอนว่าหลายๆ คนก็ต้องหลบเข้าห้องแอร์ และบางทีก็อาจเคยคิดสงสัยเล่นๆ ว่า ใครกันหนอที่เป็นคนคิดค้นแอร์? เพราะเขาคือผู้มีบุญคุณกับเราเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าหน้าร้อน
เอาจริงๆ เทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันหลายๆ อย่าง ตั้งแต่เครื่องซักผ้าไปจนถึงสมาร์ทโฟน มันพูดยากว่าใครคือ ‘คนคิด’ เพราะกว่ามันจะหน้าตาเหมือนที่เราใช้กันในปัจจุบัน มันต้องผ่านการค่อยๆ คิดพัฒนาเทคโนโลยีมาทีละขั้นๆ ซึ่งคนหลายคนและหลายรุ่นมากค่อยๆ คิดกันมา ดังนั้นมันฟันธงลงไปไม่ได้ว่าใครคือคนคิดเทคโนโลยีเหล่านี้เพียงคนเดียว
แต่ก็โชคดีเหลือเกินที่เทคโนโลยีบางอย่าง เราสามารถจะพูดฟันธงลงไปได้เลยว่า ‘คนคิด’ คือใคร และแอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
วิลลิส แคร์ริเออร์ (Willis Carrier) เกิดในปี 1876 ที่นิวยอร์ค เขาเป็นคนเรียนเก่งจนได้ทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) และในวัย 25 ปีเขาก็จบปริญญาโทด้านวิศวกรรม ก่อนที่จะเข้าไปทำงานที่ Buffalo Forge Company ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจ้างผลิตสิ่งต่างๆรวมทั้งทำด้านระบบทำความร้อนในอาคาร
ระหว่างทำงาน เขาได้เจอกับปัญหาของลูกค้าที่โรงพิมพ์ ซึ่งปัญหาก็คือ ความชื้นในอากาศที่ไม่แน่นอน ได้ทำให้กระดาษขยายและหดตัวแบบคาดเดาไม่ได้ เขาเลยคิดระบบในการจัดการกับความร้อนและความชื้นในอากาศขึ้น และจดสิทธิบัตร ซึ่งนั่นคือสิทธิบัตรใบแรกของเขา และมันได้สถาปนามาตรฐานของเทคโนโลยี ‘ปรับอากาศ’ ในอาคารมาจนถึงทุกวันนี้เลยว่ามันต้องมี 1. ระบบควบคุมอุณหภูมิ 2. ระบบควบคุมความชื้น 3. ระบบควบคุมการถ่ายเทของอากาศ 4. ระบบฟอกอากาศ
ในวัย 29 ปี เขาได้จดสิทธิบัตรใบแรก แต่เขาก็ยังไม่ลดละที่จะสร้างนวัตกรรมในการควบคุมอากาศ และในปี 1911 วิลลิส แคร์ริเออร์ ในวัย 35 ปี เขาก็ได้พรีเซนต์เปเปอร์ที่เรียกได้ว่าเป็นเปเปอร์ไอเดียต้นแบบของเทคโนโลยีแอร์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ ที่งานประชุมวิศวกรรมเครื่องกลแห่งชาติของอเมริกา
อย่างไรก็ดีไม่นานนักบริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็ยกเลิกแผนกที่ทำเรื่องระบบการทำความร้อนในอาคารไป แต่เนื่องจาก วิลลิส แคร์ริเออร์ มีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะปฏิวัติเทคโนโลยีควบคุมอากาศให้กับโลก เขาและเพื่อนวิศวกรอีก 6 คนก็เลยแยกออกมาตั้งบริษัทเพื่อพัฒนา ‘ระบบปรับอากาศ’ โดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทนี้ชื่อ Carrier Engineering Corporation (ซึ่งถ้าเราคุ้นๆ มันก็คือบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์แอร์ Carrier ในปัจจุบันนี่แหละ)
ในปี 1915 วิลลิส แคร์ริเออร์ ในวัย 39 ปี ได้มีบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรก และเขาก็หมายมั่นปั้นมือที่จะสร้าง ‘เครื่องปรับอากาศ’ ให้สำเร็จ อย่างไรก็ดี อุปสรรคของเขาตอนนี้ก็คือ มันยังไม่มีสารเคมีที่ใช้ทำความเย็นที่ใช้การได้จริงที่ไม่เป็นพิษและไม่ติดไฟง่ายจนทำให้เกิดอันตราย
แคริเออร์เป็นนักสร้างนวัตกรรมอย่างไม่ลดละ และในวัย 45 ปี เขาก็ยื่นจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับกระบวนการผลิตสารเคมีตัวหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติที่ทำความเย็นได้ แต่ไม่เป็นพิษและติดไฟได้ยาก …และสารเคมีที่ว่านี้ทุกวันนี้เราเรียกมันว่า ‘น้ำยาแอร์’
เมื่อเทคโนโลยีมาครบแล้ว Carrier Corporation ก็พร้อมให้บริการ ‘ติดแอร์’ ตลอดช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งสถานที่แรกๆ ที่ใช้บริการของ Carrier Corporation คือห้าง J.L. Hudson ที่เมืองดีทรอยต์ และนี่ถือเป็นห้างแรกๆ ของโลกที่ ‘ติดแอร์’ ซึ่งยุคนั้นก็สร้างความตื่นเต้นให้คนอเมริกันจำนวนมาก
หลังจากห้างสรรพสินค้า ลูกค้าเจ้าต่อๆ มาที่ ‘ติดแอร์’ ก็ได้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ได้ให้ Carrier Corporation ไป ‘ติดแอร์’ ที่ทำเนียบรัฐบาล และต่อมาไม่นานโรงหนังทั่วอเมริกาก็ ‘ติดแอร์’ กันเป็นมาตรฐาน
เรียกได้ว่าในปี 1930 ที่ วิลลิส แคร์ริเออร์ อายุได้ 54 ปี เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศของเขาได้กลายมาเป็น ‘มาตรฐานอุตสาหกรรม’ ในหลายๆแวดวงไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ถ้าพอรู้ประวัติศาสตร์ หลังจากนั้น เศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลกก็เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่เรียกว่า The Great Depression และหลังจากนั้นหายนะทางเศรษฐกิจก็คอมโบมาด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งธุรกิจอะไรก็ไม่เจริญหรอกช่วงนั้น เรียกได้ว่ารอดมาได้ก็เก่งแล้ว
แต่ Carrier Corporation ก็รอดมาได้ และพอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงทศวรรษ 1950 ที่เศรษฐกิจอเมริกาบูมอีกรอบ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า โรงหนังและทำเนียบรัฐบาลเท่านั้นที่จะต้องมีแอร์ แต่ตอนนี้ออฟฟิศต่างๆ ก็ต้อง ‘ติดแอร์’ เป็นมาตรฐานแล้ว และนี่ทำให้บริษัทที่บุกเบิกเทคโนโลยีนี้อย่าง Carrier Corporation ได้ส่วนแบ่งของตลาดนี้ไปครองอย่างมหาศาล
ด้าน วิลลิส แคร์ริเออร์ ไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย เขามีอาการหัวใจวายเฉียบพลันจนต้องหยุดทำงานไปในปี 1948 ก่อนจะจบชีวิตลงในปี 1950 ในวัย 73 ปี
เรียกได้ว่า เขาอยู่ไม่ทันเห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เขาสร้างมากับมือและส่งต่อให้โลกอย่างเต็มที่ เพราะขนาดยุคที่สำนักงานทั้งหมดต้อง ‘ติดแอร์’ เป็นมาตรฐาน เขายังอยู่ไม่ทันเลย ไม่ต้องพูดถึงยุคที่คน ‘ติดแอร์’ กันตามที่พักอาศัยกันเป็นปกติ (ซึ่งอเมริกาทุกวันนี้เป็นสังคมที่คน ‘ติดแอร์’ กันมากที่สุดในโลกไปแล้ว)
แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ทันเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาสร้างให้กับโลก ทุกวันนี้เราก็มีชีวิตแบบ ‘อยู่เย็น เป็นสุข’ ได้เพราะเทคโนโลยีที่ วิลลิส แคร์ริเออร์ คิดไว้เมื่อราว 100 ปีที่แล้วนี่แหละ
ดังนั้นเวลาจะขอบคุณว่าใครเป็นคนคิดแอร์ให้เราใช้ทุกวันนี้ขอบคุณกันถูกคนแล้วนะ