Select Paragraph To Read
- 1. รถเต่าในตำนาน ‘โฟล์กสวาเกน บีเทิล’ (Volkswagen Beetle)
- 2. แกลลอนน้ำมันแบบเหลี่ยม (Jerrycan)
- 3. แผ่นซับเสียง (Anechoic Tiles)
- 4. แฟนต้า (Fanta)
- 5. เยเกอร์ไมสเตอร์ (Jägermeister)
ถ้าจะต้องพูดถึง ‘นาซีเยอรมนี’ ในยุคที่คนจำนวนมากตื่นตัวเรื่อง ‘ความถูกต้องทางการเมือง’ (political correctness) อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งร้ายแรงจากความพยายามขยายอำนาจของนาซีเยอรมนี ภายใต้การปกครองของเผด็จการ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ระหว่างปี 1933-1945
ในช่วงเวลากว่าทศวรรษที่นาซีเยอรมนีเรืองอำนาจ มีการคิดค้นพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์และสารเคมีที่เป็นอันตรายจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตอร์ปิโดนำวิถี, ขีปนาวุธโจมตีเรือ, เฮลิคอปเตอร์ รวมถึงยาแก้ปวดเมทาโดน และก๊าซพิษ ‘ซาริน’ ที่ต่อมาถูกลัทธิโอมชินริเกียวใช้ก่อวินาศกรรมที่ญี่ปุ่น
แต่คนจำนวนมากอาจไม่รู้ว่านอกจากสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ยังมีสินค้ายอดนิยมอีก 5 อย่างที่เกิดขึ้นในยุคนาซีเยอรมนี และบางอย่างก็เป็นสิ่งที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผลักดันเอง และสินค้าเหล่านี้ก็ยังได้รับความนิยมชมชอบจากคนทั่วโลก จนอยู่ยั้งยืนยงผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน
1. รถเต่าในตำนาน ‘โฟล์กสวาเกน บีเทิล’ (Volkswagen Beetle)
คนรักรถเต่าอาจจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่ยังไม่รู้ก็ต้องบอกว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ถือเป็นบิดาแห่งรถเต่าหรือโฟล์กสวาเกน บีเทิล เพราะจุดเริ่มต้นเกิดจากดำริของฮิตเลอร์ที่เชื่อว่าเยอรมนีต้องมียานพาหนะของประชาชน (peoples car)
ส่วนคนที่รับไม้ต่อในโปรเจกต์นี้ก็คือ ‘แฟร์ดินานด์ พอร์เชอ’ (Ferdinand Porsche) วิศวกรยานยนต์ชาวออสเตรีย-เยอรมัน ที่คนไทยรู้จักในฐานะต้นตระกูลผู้ผลิตรถยนต์ปอร์เช และในยุคนั้นเขายังเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพรรคนาซีด้วย
พอร์เชอเป็นคนดูแลการออกแบบและพัฒนาจนกลายมาเป็นรถโฟล์กสวาเกน บีเทิล ซึ่งผลิตครั้งแรกในปี 1938 แต่กลับทำให้คนทั่วโลกตกหลุมรักในเวลาต่อมา เพราะดีไซน์โค้งมน ดูเป็นมิตรและคลาสสิก ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งทนทาน แม้จะหยุดผลิตเป็นช่วงๆ หลังนาซีเยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็กลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งหยุดผลิตถาวรในปี 2019
แต่การดำรงอยู่ของโฟล์กสวาเกนในยุคหลังๆ อาจจะขัดกับเจตนาดั้งเดิมในการเป็นของรถของประชาชนอยู่บ้าง เพราะคนรักรถคลาสสิกทั่วโลก ยังคงติดตามหา และทะนุถนอมรักษารถโฟล์กสวาเกน บีเทิล ในฐานะ ‘ของสะสม’ ที่บางครั้งก็มีราคาแพงแสนแพงเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยและค่าแรงขั้นต่ำของคนส่วนใหญ่ในบางประเทศ
2. แกลลอนน้ำมันแบบเหลี่ยม (Jerrycan)
ภาษาเยอรมันที่ใช้เรียกแกลลอนทำจากโลหะแบบเหลี่ยม คือ Wehrmacht-kanister หลายคนอาจไม่รู้ว่านี่คือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในยุคนาซีเยอรมนีเพื่อให้การลำเลียงของเหลว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำดื่ม มีความสะดวกและประหยัดพื้นที่ในการขนส่งมากที่สุด
ผู้ผลิตแกลลอนแบบนี้ออกมาเป็นเจ้าแรกในปี 1937 คือบริษัทด้านวิศวกรรม ‘มึลเลอร์’ (Müller) ซึ่งได้รับคำสั่งจากฮิตเลอร์ให้ดูแลเรื่องระบบขนส่งเชื้อเพลิงให้กับกองทัพนาซี และเว็บไซต์ World Atlas ระบุว่าในปี 1939 กองทัพอเมริกันพยายามจะออกแบบและผลิตแกลลอนโลหะแบบนี้ออกมาใช้งานบ้าง ตามด้วยกองทัพอังกฤษในปี 1940
หลังจากนั้นประเทศแถบตะวันตกก็เริ่มผลิตแกลลอนโลหะแบบเหลี่ยมออกมาเป็นสินค้าเพื่อใช้งานทั่วไปในท้องตลาด และมีหลักฐานว่าเริ่มใช้กันตั้งแต่ปี 1944 เป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั้งในกองทัพและอุตสาหกรรมต่างๆ
3. แผ่นซับเสียง (Anechoic Tiles)
ถ้าจะบอกว่าต้นกำเนิดเทคโนโลยีแผ่นซับเสียงในปัจจุบันมีแรงบันดาลใจจากกองทัพนาซีเยอรมนีก็คงไม่ผิดนัก เพราะยุคนั้นมีการคิดค้นและผลิตแผ่นยางผสมพอลิเมอร์ขึ้นมาเป็นตัวดักคลื่นเสียงโซนาร์ของเรือดำน้ำ โดยผู้ออกแบบและพัฒนาเป็นบุคลากรในกองทัพเรือยุคนาซีเยอรมนี
แผ่นซับเสียงเหล่านี้ถูกนำมาบุทั่วลำเรือดำน้ำ หรือ U-Boat ตั้งแต่ปี 1940 และใช้งานต่อเนื่องในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะประสบปัญหาแผ่นซับเสียงหลุดร่อนออกมาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังมีการใช้งานต่อมาจนถึงปัจจุบัน
4. แฟนต้า (Fanta)
น้ำอัดลมหลากสีที่เป็นขวัญใจวัยเด็กของใครหลายคน (รวมถึงน้ำแดงที่ได้รับความนิยมตามศาลพระภูมิในไทย) ไม่ได้เกิดจากแรงผลักดันของฮิตเลอร์โดยตรง แต่เป็นผลพวงจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อนาซีเยอรมนีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้ยุคฮิตเลอร์
แฟนต้าในยุคแรกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาแทนน้ำอัดลมน้ำดำ เพราะในปี 1941 สหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรนาซีเยอรมนี จึงระงับการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบหลายอย่าง รวมถึงวัตถุดิบจำเป็นในการผลิตน้ำอัดลมของบริษัทโคคา-โคลา ที่ไปตั้งสาขาในเยอรมนี โคคา-โคลา จึงต้องปรับสูตร และตั้งชื่อใหม่ว่า Fanta ซึ่งมาจาก Fantasie หรือคำว่า ‘จินตนาการ’ ในภาษาเยอรมัน
ผลปรากฏว่าน้ำแฟนต้ากลายเป็นสินค้ายอดฮิตในนาซีเยอรมนียุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อสงครามยุติก็เลิกผลิตไปช่วงหนึ่ง แต่กลับมาเริ่มต้นผลิตอีกครั้งในปี 1955 โดยมีการปรับสูตรให้น้ำอัดลมมีสีและกลิ่นหลากหลาย สมกับคำว่าจินตนาการ จนกลายเป็นสินค้าที่คนรู้จักไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
5. เยเกอร์ไมสเตอร์ (Jägermeister)
ก่อนที่ ‘เยเกอร์ไมสเตอร์’ จะเป็นที่รู้จักในฐานะลิเคียวที่นำไปผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ จนกลายเป็นที่นิยมไม่น้อยในกลุ่มคนรักปาร์ตี้ คงต้องบอกว่าเหล้าสัญชาติเยอรมันแบรนด์นี้ มีจุดเริ่มต้นที่การเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรช่วยย่อย จึงมีกลิ่นเข้มข้นของเครื่องเทศและนิยมดื่มหลังอาหาร
ส่วนปูมหลังที่เกี่ยวพันกับนาซีเยอรมนี เป็นเพราะบริษัทที่เคยเป็นผู้ผลิตน้ำส้มหมัก ผันตัวมาผลิตเหล้าสมุนไพรในปี 1933 โดยเว็บไซต์ Handelsblatt รายงานว่า เหล้าเยเกอร์ไมสเตอรเกิดจากการผลักดันของสองพี่น้อง ‘คูร์ต มัสต์’ (Curt Mast) และ ‘วิลเฮล์ม มัสต์’ (Wilhelm Mast)
แต่วิลเฮล์มขายหุ้นและหนีไปอยู่บราซิลในปี 1936 เพื่อตามไปอยู่กับคนรักของเขาที่มีเชื้อสายยิว เพราะขณะนั้นชาวยิวและผู้สืบเชื้อสายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งตกเป็นเป้าโจมตีและเลือกปฏิบัติจากนโยบายกีดกันทางเชื้อชาติของฮิตเลอร์
จนกระทั่งยุคหลัง เยเกอร์ไมสเตอร์จึงถูกตั้งคำถามว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนาซีเยอรมนีที่เป็นผู้ก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในอดีตหรือไม่ เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ในเยอรมนียุคนั้น ถ้าไม่เกี่ยวพันหรือเป็นสมาชิกพรรคนาซี ก็ยากที่จะอยู่รอดปลอดภัยมาได้ ทำให้ทายาทตระกูลมัสต์ที่ยังถือครองหุ้นในเยเกอร์ไมสเตอร์จ้างนักประวัติศาสตร์มาชำระข้อเท็จจริงของตระกูล แต่ก็ยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน เพราะเพิ่งเริ่มโปรเจกต์เมื่อไม่นานมานี้
อ้างอิง:
- World Atlas. 10 Products Created By Nazi Germany That Are Still Used Today. https://bit.ly/32jJYLa
- Handelsblatt Today. JÄGERMEISTER FAMILY, A Dark, Bittersweet Legacy. https://bit.ly/3nKrawS