4 Min

4 นวัตกรรมไร้คนขับของรถไฟฟ้าสายสีทองครั้งแรกของไทย มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

4 Min
3414 Views
21 Dec 2020

นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ กับการเปิดบริการอย่างเป็นทางการของรถไฟฟ้าสายสีทอง  วันนี้ BrandThink จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักนวัตกรรมไร้คนขับของรถไฟฟ้าสายใหม่กันให้มากขึ้น เพราะนับว่านี่เป็นครั้งแรกของการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยกันเลยทีเดียว!

1. ระบบล้ำ นำเทรนด์เทคโนโลยี

ต้องเกริ่นก่อนว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง มีกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าของโครงการ และ มี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTS) เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถ นับว่าว่าเป็นการการสร้างระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Link Line) เพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนหลักสายอื่นๆ ที่มีในปัจจุบันและอนาคต  

ทำให้การเลือกสรรในครั้งนี้ เป็นครั้งสำคัญ เพราะต้องมีการพิจารณาและคำนวณผลกระทบอย่างรอบคอบว่าควรเป็นรูปแบบใด 

หลังจากการพิจารณาแล้ว ระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ Automated Guideway Transit (AGT) แบบไร้คนขับมาให้บริการประชาชน เป็นครั้งแรกของประเทศไทย น่าจะเป็นระบบที่เข้ามาตอบโจทย์ในปัจจุบันและอนาคตได้มากที่สุด

แม้ว่าระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติที่เหมาะสมกับถนนเจริญนคร มี 2 แบบ คือ Automated People Mover (APM) และ Monorail แต่รถไฟฟ้าสายสีทองนี้ เป็นการนำรูปแบบ AMP มาใช้ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับ ล้อยาง สำหรับวิ่งบนพื้นคอนกรีตที่มีรางเหล็กอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวา 

ซึ่งรูปแบบนี้จะโดดเด่นในเรื่องของโครงสร้างขนาดเล็ก ทำให้กินพื้นที่น้อย ช่วยนำทางเลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี 

ข้อดีอีกข้อหนึ่งของการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ คือ ช่วยลดข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องของมนุษย์ (Human Error) ได้ ทำให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง

ในขณะที่ใช้ขบวนรถไฟฟ้า เป็นโมเดล Bombardier Innovia APM 300 ซึ่งถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อนๆ มีการปรับปรุงในด้านรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย น้ำหนักเบา แต่แข็งแรงและทนทาน ลดการสั่นสะเทือน รวมถึงมีการใช้ระบบควบคุมอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ในระบบปรับอากาศของตู้โดยสาร
(อ้างอิงจาก https://www.railway-technology.com/projects/bombardier-innovia-apm-300)

2. ออกแบบอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากประสิทธิภาพในการใช้งาน หรือความล้ำหน้าของเทคโนโลยีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสนใจก็คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง เริ่มต้นมาจากการคำนึงถึงส่วนรวมและคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนโดยรอบเป็นหลัก  จึงมีการประเมินและศึกษาพื้นที่สภาพชุมชนมาตั้งแต่เริ่มต้น ว่าจะต้องมีโครงสร้างอย่างไร จึงจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ลดผลกระทบจากสังคม ซึ่งสุดท้ายมีการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ดังนี้

  • การออกแบบแพลตฟอร์ม (Platform) สถานี  ให้มีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดการเวนคืนพื้นที่ถนนและชุมชนมาใช้ก่อสร้างสถานีต่างๆ
  • เพิ่มระดับความสูงของเสาตอม่อรถไฟฟ้าสายสีทองให้สูงขึ้นกว่ารถไฟฟ้าสายอื่นๆ อีก 3-4 เมตร ซึ่งโดยปกติเสาตอม่อรถไฟฟ้าสายอื่นจะมีความสูงประมาณ 12-15 เมตร  แต่รถไฟฟ้าสายสีทองจะมีความสูงประมาณ 15-19 เมตร ทำให้ช่วยลดการบดบังของทัศนียภาพตึกแถวบ้านเรือนของประชาชน และช่วยลดผลกระทบทางเสียง
  • เลือกระบบล้อยาง เหมือนกับล้อรถยนต์ทั่วไปในการเดินรถ เพราะช่วยลดเสียงดังจากการวิ่งของรถไฟฟ้าได้กว่า 40% เมื่อเทียบกับล้อเหล็ก โดยเสียงจากการวิ่งของล้อยางของรถไฟฟ้าสายสีทองก่อให้เกิดเสียงประมาณ 43.3-69.5 เดซิเบล ในขณะที่เสียงจากการวิ่งของล้อเหล็กจะอยู่ที่ ประมาณ 90-115 เดซิเบล รวมถึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่สร้างความรำคาญให้ทั้งผู้โดยสารในขบวน และผู้อาศัยในบริเวณรถไฟฟ้า

การออกแบบวงเลี้ยวของรถไฟฟ้าสายสีทองถือว่าดีมาก  เพราะช่วยลดจำนวนและขนาดของเสาตอม่อที่จะต้องสร้างบริเวณช่วงเลี้ยว ทำให้มีสิ่งกีดขวาง หรือสิ่งบดบังวิสัยทัศน์ของผู้ใช้รถใช้ถนนและคนเดินทางเท้าน้อยลง โดยมีรัศมีของวงเลี้ยวสายสีทองอยู่ที่ประมาณ 70 เมตร ในขณะที่รถไฟฟ้าทั่วไปมีรัศมีวงเลี้ยวประมาณ 200 เมตร นอกจากนี้ เส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีทองมีจุดหักเลี้ยวอยู่หลายตำแหน่ง ระบบล้อนี้จะช่วยให้สามารถชะลอความเร็วรถเมื่อเข้าโค้งช่วงต่างๆได้ดี

3. ความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ

พอพูดถึงรถไฟฟ้าไร้คนขับ หลายคนก็อาจจะกังวลใจกันอยู่บ้าง ไม่มีคนขับมันจะปลอดภัยไหม ใครจะมาดูแล แต่ขออธิบายแบบนี้ครับว่า 

จากการที่ได้ศึกษาข้อมูลของรถไฟฟ้า พบว่าขบวนรถไฟฟ้านี้เป็นเทคโนยีที่มาจากการคิดค้น วิจัย และพัฒนาของ Bombardier บริษัทชั้นนำ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบรางแห่งหนึ่งของโลก 

โดยปัจจุบันรถไฟฟ้ารูปแบบนี้ มีการให้บริการอยู่ที่สนามบินชั้นนำระดับโลก ที่มีนักท่องเที่ยวหลายสิบล้านคนต่อปี เช่น  London Heathrow (United Kingdom), Frankfurt/Main (Germany), Dallas/Fort Worth and San Francisco International Airport (United States) and Beijing Capital International Airport (China)

ซึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนดูแลเลย เพราะมีการจัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เดินทาง ทุกตู้โดยสาร และทุกขบวน ตลอดการให้บริการ เพราะฉะนั้น จึงมั่นใจได้ว่า รถไฟฟ้าสายนี้ปลอดภัย ไร้กังวล เดินทางได้สบาย ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแน่นอน 

4. เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมอย่างครบวงจร

สิ่งสำคัญก็คือ ระบบรางขนส่งมวลชน ของรถไฟฟ้าสายสีทองนี้ จะมีจุดเชื่อมต่อกับการเดินทางแบบอื่นๆ ทั้งทางรถไฟฟ้า ทางรถ และทางเรือ ช่วยสร้างความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น โดยจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 3 สาย คือ 

สายสีเขียวอ่อน (สีลม) ที่สถานีกรุงธนบุรี  (G1) 

สายสีม่วง (เตาปูนราษฎร์บูรณะ) ที่สถานีประชาธิปก (G4)  

และสายสีแดง (หัวลำโพงมหาชัย) ที่สถานีคลองสาน (G3) 

ทำให้ผู้คนในพื้นที่ และนอกพื้นที่สามารถสัญจรได้อย่างครบวงจร สามารถตอบโจทย์การเดินทางในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

นอกจากระบบของรถไฟฟ้าสายสีทองจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทัดเทียมกับต่างประเทศแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการเปิดให้บริการ คือ การทำให้คนจำนวนมาก ทั้งคนในพื้นที่ และคนที่ต้องเดินทางเข้าออกพื้นที่ ได้มีคุณภาพชีวิตและการเดินทางที่ดีขึ้น อีกทั้งเกิดการขยายตัวของเมือง ที่จะขยายไปยังฝั่งธนบุรี  ทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้