ส่องจักรวาล Premium Loyalty Program กลยุทธ์ดูแลลูกค้าให้ exclusive กว่า และไม่เปลี่ยนใจจากแบรนด์
ทุกวันนี้มีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นจึงต้องมีกลยุทธ์การทำการตลาดที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การหาลูกค้าใหม่ ๆ คือการดึงดูดใจให้ลูกค้าเก่าไม่ไปไหนและกลับมาช้อปมาซื้อที่เดิมเป็นประจำ อันจะเป็นผลกำไรให้กับแบรนด์อย่างยั่งยืน
หนึ่งในอาวุธลับที่สำคัญคือการใช้ Loyalty Program ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าใช้จ่ายได้ที่นี่ได้มากกว่าที่อื่น ไม่ว่าจะได้รับเป็นส่วนลดและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมถึงยังช่วยสร้างความรู้สึก ‘ฉันเป็นคนสำคัญ’ ให้กับลูกค้าประจำ
ตามปกติ Loyalty Program มักมาในรูปแบบของบัตรสมาชิก ที่มีการสะสมแต้ม แลกกับส่วนลด หรือบริการให้ลูกค้า ซึ่งมักมีการแบ่งเป็นเทียร์ต่าง ๆ ตามศักยภาพในการใช้จ่ายของสมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดูจากยอดใช้จ่ายสะสมเป็นหลัก เช่น Loyalty Program ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยอย่างบัตร Starbucks ที่เทียร์สูงสุดอย่าง Starbucks Gold ที่นอกจากสมาชิกจะสามารถสะสมแต้มทุกครั้งที่ซื้อเครื่องดื่ม เพื่อนำไปแลกเครื่องดื่มฟรี หรือส่วนลดสำหรับสินค้าอื่น ๆ แล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษในเดือนเกิด หรือ Serenade ระบบสมาชิกของ AIS ที่มีการแบ่งย่อยเป็น Platinum, Gold และ Emerald เทียร์ระดับที่เล็กที่สุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เข้าเป็นสมาชิกได้ง่ายขึ้นและขยายการดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยสิทธิประโยชน์ของ AIS ก็จะครอบคลุมหลากหลายไลฟ์สไตล์ ไม่ได้มีเฉพาะสิทธิพิเศษในช้อปหรือเกี่ยวข้องกับมือถือ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดจากร้านอาหาร ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ไปจนถึงที่จอดรถ เพื่อดึงให้ลูกค้าเก่าแก่ที่ใช้มานานไม่เปลี่ยนใจไปไหน
แต่ถ้าหากพูดถึง Loyalty Program ในกลุ่มรีเทล พบว่าทุกค่ายมีการจัดโปรแกรมเพื่อลูกค้าพรีเมียมโดยเฉพาะ เช่น M card จาก The Mall Group ที่มีเทียร์ระดับสูงอย่าง Scarlet และ Platinum ซึ่งต้องได้รับเชิญจากแบรนด์เท่านั้น และ Viz card ในเครือสยามพิวรรธน์ ซึ่งมีเทียร์สูงอย่าง Black ซึ่งต้องได้รับเชิญเช่นกัน และเทียร์ Titanium คนที่สนใจต้องใช้จ่ายต่อวันในศูนย์การค้าให้ได้ 20,000 ต่อวัน ซึ่งทั้งสองค่ายก็ทำเพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีความไฮเอนด์ โดยจะได้รับสิทธิต่าง ๆ คล้ายคลึงกัน เช่น ที่จอดรถในศูนย์การค้า และใช้เลานจ์ รวมถึงการสะสมคะแนนเพื่อรับส่วนลดในอัตราที่ต่างกัน
ล่าสุด The 1 หรือชื่อเดิม The 1 Card ลอยัลตี้โปรแกรมของเครือ Central Group ก็กระโดดลงมาเป็นอีกหนึ่ง player ในสนาม Premium Loyalty Program โดยการแนะนำเทียร์โปรแกรมใหม่สำหรับสมาชิกระดับพรีเมียมครั้งแรกในรอบ 14 ปี ในชื่อ “The 1 Exclusive” ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ทั้งส่วนลด บริการ ข้อเสนอและของรางวัลสุดพิเศษต่าง ๆ จากทั้งเครือเซ็นทรัลและพันธมิตรทางธุรกิจใน Business Ecosystem ของ The 1
เจาะลึกเทียร์โปรแกรมน้องใหม่ The 1 Exclusive
รวมทุกจุดเด่นจากทั้งเครือฯ เพื่อประสบการณ์พิเศษที่แตกต่างจากโปรแกรมอื่น ๆ
จุดแข็งของ The 1 Exclusive คือพลังของเครือเซ็นทรัลและพันธมิตรทางธุรกิจ ที่เรียกได้ว่ามีครบทุกความต้องการในการใช้ชีวิตทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โรบินสัน ที่มีสินค้าหลากหลาย หากต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะก็ไปเพาเวอร์บาย หรือหากต้องการสินค้าเกี่ยวกับบ้านก็มีไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์ ไล่ไปจนถึงของกินของใช้ประจำวันอย่างท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท เรียกได้ว่ายากมากหากวันๆ หนึ่งเราจะเลี่ยงไม่ได้เข้าร้านของเครือเซ็นทรัลหรือพันธมิตรเลย ซึ่งจุดแข็งนี้แหละ ที่ทำให้ The 1 Exclusive มีความพิเศษ 2 ส่วน คือ
1. มอบสิทธิประโยชน์ได้หลากหลาย ครบทุกไลฟ์สไตล์ สามารถเชื่อมต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งส่วนลด สิทธิพิเศษ บริการพิเศษ และรีวอร์ดพิเศษต่างๆ ในเครือที่มีความหลากหลายมาก ตั้งแต่ห้างร้านในประเทศที่กล่าวไปแล้ว ไปจนถึงห้างในยุโรปของเครืออย่างห้างสรรพสินค้า KaDeWe, Rinascente และ ILLUM และยังมีพันธมิตรนอกเครือเซ็นทรัลมากมาย ทำให้ The 1 Exclusive มีสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกได้ในทุกกลุ่ม
ในแง่ของจุดบริการ The 1 Exclusive ก็ใช้ความได้เปรียบในเรื่องโลเคชั่นของสโตร์ภายในเครือเซ็นทรัล ที่เรียกว่ามีมากที่สุดในประเทศไทย แถมยังมีการขยายออกไปในทวีปยุโรปอีกด้วย ซึ่งทำให้สมาชิก The 1 Exclusive สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของโปรแกรมนี้ได้อย่างกว้างขวาง อย่างเช่น พื้นที่จอดรถพิเศษที่สมาชิกฯ สามารถเข้าใช้สิทธิได้เกือบทุกห้างของเครือกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ รวมสิทธิในการใช้เล้าจน์ ที่ไม่จำกัดแค่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียวเท่านั้น
2. สะสมยอดใช้จ่ายได้จากหลากหลายร้านค้า การจะสะสมยอดใช้จ่ายให้ถึง Premium programของหลายๆ แบรนด์ จำกัดการใช้จ่ายแค่ร้านใดร้านหนึ่งหรือร้านในเครือไม่กี่แห่ง โดยต้องมียอดใช้จ่ายสูงลิ่ว! แต่ความเป็นเครือเซ็นทรัล ทำให้เข้าถึงเทียร์ The 1 Exclusive ได้จากการสะสมยอดใช้จ่ายได้จากหลากหลายธุรกิจและร้านค้าในเครือตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และสะสมเพียง 250,000 บาทต่อปี พูดง่ายๆ ว่าเป็นสะสมยอดใช้จ่ายได้จากสินค้าแทบทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ ของแต่งบ้าน สินค้าบิวตี้และแฟชั่น ไปยันเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนใช้จ่ายอยู่แล้วในแต่ละปี The 1 Exclusive จึงเป็นพรีเมียมเทียร์ที่ไม่ได้ยากเกินเอื้อมเมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่นๆ ในตลาดที่ (รายละเอียดเกี่ยวกับแบรนด์ที่ร่วมสะสมยอดใช้จ่ายได้ที่: https://www.the1.co.th/faqs/help-the1exclusive?id=t1x_1#help-detail)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความโดดเด่นของโปรแกรมคือการพัฒนาให้ The 1 Exclusive เป็นพรีเมียมเทียร์โปรแกรมที่มีความ Digital อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการพัฒนา Digital Experience Platform ผ่าน The 1 Application ซึ่งมีการออกแบบให้แตกต่างจากสมาชิกทั่วไป และยังสามารถใช้ทุกประสบการณ์ได้ผ่านแอปเพียงแอปเดียว เช่น การแสดงบาร์โค้ดสมาชิก The 1 Exclusive เพื่อรับบริการพิเศษต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพกบัตร การตรวจเช็กยอดใช้จ่ายที่แสดงผลแบบเรียลไทม์บนแอป หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่สามารถค้นหาสิทธิพิเศษและใช้ได้ได้โดยไม่พกคูปองใด ๆ เลย เรียกว่าตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายบนมือถือด้วยตนเอง
ความพิเศษของ The 1 Exclusive ยังมีอีกมากมาย อาทิ บริการผู้ช่วย (Personal Assistant) ที่สามารถจองสินค้าและบริการในกลุ่มเซ็นทรัลได้อย่างหลากหลาย ของขวัญในเดือนเกิด สิทธิพิเศษในการรับคะแนนเพิ่ม 10 เท่า เมื่อช้อปในเดือนเกิด สิทธิเรื่องคะแนน The 1 ที่จะไม่มีวันหมดอายุ ฯลฯ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่: https://www.the1.co.th/the1Exclusive/privileges สำหรับคนที่ไม่รู้ว่ายอดใช้จ่ายตัวเองเท่าไหร่ หรือเป็น The 1 Exclusive แล้วหรือยัง สามารถดาวน์โหลดแอป The 1 และตรวจสอบสถานะด้วยตนเองได้ที่: https://t1x.onelink.me/XZji/b35046a4
อ้างอิง