ภาพผู้คนในประวัติศาสตร์ไม่ใช่ทุกภาพจะเป็นเรื่องจริง และบางทีก็เป็นภาพของคนในอดีตอันไกลโพ้นที่คนในอดีตอันใกล้เข้าใจผิด
และหนึ่งในความเข้าใจผิดระดับคลาสสิคก็คือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพวกไวกิ้งว่าใส่หมวกมีเขา
เราจะเห็นภาพของไวกิ้งใส่หมวกมีเขาได้มากมาย ไม่ว่าจะในการ์ตูนหรือเกม ฯลฯ จนเรียกว่าทุกวันนี้คนเห็นภาพนักรบเถื่อนๆ ใส่หมวกมีเขา ก็มักจะเข้าใจว่า นักรบดังกล่าวคือ ‘ไวกิ้ง’
ทั้งที่ในความเป็นจริงๆ หมวกมีเขาในรูปแบบต่างๆ นั้นปรากฏทั่วโลก มีหลักฐานว่าใส่กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ในอังกฤษ เยอรมัน ไปจนถึงญี่ปุ่น และอินโดนีเชีย
แต่ในกรณีของไวกิ้งไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีหรือประวัติศาสตร์อะไรที่ระบุว่า นักรบเถื่อนเหล่านี้ใส่หมวกที่มีเขา
ทุกวันนี้เรามีหลักฐานทางโบราณคดีที่เป็น ‘หมวกไวกิ้ง’ จริงๆ แค่อันเดียว และหมวกที่ว่าเป็น ‘หมวกเหล็กธรรมดา’ ไม่มีเขา
คำถามคือ ไวกิ้งใส่หมวกมีเขา เรื่องลวงโลกนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร?
1.
ย้อนกลับไปศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคที่ชนชาติเยอรมันกำลังพยายามจะ ‘รวมชาติ’ และพวกปัญญาชนต่างๆ ก็พยายามจะสร้างเรื่องราวถึงประวัติศาสตร์อันไกลโพ้นและยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ดี พวกเยอรมันนั้นไม่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแบบชาวยุโรปทางใต้หรือตะวันตก ซึ่งชาวยุโรปกลุ่มนี้ ถ้าไม่มีบรรพบุรุษในดินแดนที่ยิ่งใหญ่ ก็จะไปนับญาติกับพวกโรมันบ้าง เคลท์บ้าง
นี่เอง ทำให้พวกเยอรมันต้องไปนับญาติกับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นญาติห่างๆ อย่างไวกิ้ง
ดังนั้นสิ่งที่พวกเยอรมันทำก็คือฉายภาพของ ‘บรรพบุรุษ’ ตัวเองไปยังพวก ‘ไวกิ้ง’
2.
ในศตวรรษที่ 19 สิ่งที่จะแพร่ไอเดียแบบนี้ได้คือ ‘วัฒนธรรมป๊อป’ ในสมัยนั้น
แน่นอนว่า ศตวรรษที่ 19 ไม่มีภาพยนตร์ แต่สิ่งที่เทียบเคียงได้กับภาพยนตร์ของศตวรรษที่ 19 ก็คือโอเปร่า และถ้ามีคนทำโอเปร่าที่มีฉากย้อนยุค สิ่งที่เหล่านักแสดงใส่ตอนแสดงโอเปร่านั้นก็จะกลายเป็นภาพจำของคนดูว่าคนเหล่านั้นแต่งตัวแบบนี้จริงๆ ในทางประวัติศาสตร์ ไม่ได้ต่างจากเวลาเราดูหนังย้อนยุค เราก็จะจำภาพคนในอดีตจากในหนัง
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในเยอรมัน คนแต่งโอเปร่าที่ดังที่สุด คือคีตกวีนาม ริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) ซึ่งโอเปร่าเลื่องชื่อของเขาเป็นมหากาพย์นามว่า The Ring of Nibelung (ยาวแบบต้องแยกเป็น 4 ภาค ถ้าเทียบกับยุคของเราคงประมาณ The Lord of the Rings) ซึ่งตัวละครในโอเปร่าคือเหล่าตัวละครในตำนานของนอร์ส (หรือตำนานของยุโรปตอนเหนือ) ซึ่งในความเข้าใจของคนทั่วไปก็คือพวก ‘ไวกิ้ง’ นี่เอง
แล้วก็บังเอิญเหลือเกิน คนออกแบบคอสตูมนั้นออกแบบให้ตัวละครใส่หมวกมีเขากันเต็มไปหมด และนี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ภาพจำ’ ของคนยุโรปว่า ไวกิ้งต้องใส่หมวกมีเขาจนสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
3.
นี่คือเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ได้มีเค้าความจริงเลย ทั้งหมดคือจินตนาการของคนออกแบบคอสตูม และสร้างภาพจำที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว
โชคยังดีที่ในยุคหลัง คนออกแบบคอสตูมไปจนถึงคนเขียนบทภาพยนตร์ย้อนยุคทั้งหลายดูจะ “ทำการบ้าน” กันหนักพอควร ภาพของอดีตที่ ‘ปัจจุบัน’ เห็นในตอนนี้ก็เลยดูจะเที่ยงตรงขึ้น
แต่ก็อย่าอะไรมาก เพราะบางทีความรู้เดิมก็เปลี่ยนได้ เช่น ตอน Jurassic Park ออกมาภาคแรกในปี 1993 คนก็เชื่อว่าไดโนเสาร์ตัวแบบนั้นจริงๆ แต่ในภายหลังเจอหลักฐานเพิ่ม และทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อกันแล้วว่าไดโนเสาร์ไม่น่าจะหน้าตาเหมือนใน Jurassic Park
นั่นคือไดโนเสาร์ไม่ได้ตัวโล้นๆ แบบนั้น แต่บนตัวน่าจะเต็มไปด้วย ‘ขน’ แบบนกมากกว่า อีกทั้งหน้าตาของพวกมันก็จะดูเป็น “นกยักษ์” มากกว่า “กิ้งก่ายักษ์” แบบใน Jurassic Park
อย่างไรก็ดี คนก็คงจะเชื่อว่าไดโนเสาร์หน้าตาแบบใน Jurassic Park ไปอีกยาวนาน ไม่ได้ต่างจากที่คนเชื่อว่าไวกิ้งใส่หมวกมีเขาอย่างใน The Ring of Nibelung ของริชาร์ด วากเนอร์
อ้างอิง:
- Vox. Vikings never wore horned helmets. Here’s why people thought they did. https://bit.ly/3hcab05
- History Channel. Did Vikings really wear horned helmets?. https://bit.ly/2GBXm2o
- Wikipedia. Horned helmet. https://bit.ly/2DMRlz2