เพราะ ‘การสร้างขึ้นมา’ อาจไม่ยากเท่ากับ ‘การรักษาไว้’
และการรักษาไว้ ก็อาจไม่ยากเท่ากับ ‘การต่อยอดให้มันดีขึ้น’
ทายาทธุรกิจครอบครัว คือ สิ่งมีชีวิตที่ถูกคนเข้าใจผิดมากที่สุด
หลายคนคิดว่า เราคือคุณหนูที่แสนสบาย
หลายคนคิดว่า เราเกิดมาพร้อมต้นทุนสูง
หลายคนคิดว่า เราไม่ต้องไปดิ้นรนเหมือนคนอื่น
ก็คงไม่ปฏิเสธว่ามีทายาทที่เกิดมาพร้อมสิ่งเหล่านี้จริงๆ แต่เช่นกันก็คงไม่ใช่ทายาททุกคนที่จะเป็นแบบนั้น หรือบางครั้งอาจจะเลวร้ายถึงขั้นว่าเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ได้
นอกจากเหล่าทายาทจะไม่ได้เป็นแบบที่คนภายนอกคิด ผมยังเชื่อว่าเราคือเป็นมนุษย์ที่ต้องแบกรับแรงกดดันมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
เพราะการที่ธุรกิจครอบครัวสามารถดำเนินมาจนถึงวันที่ส่งต่อให้พวกเราได้นั้น ย่อมหมายถึงว่าคนรุ่นก่อนทำเอาไว้ได้ดีมาก และนั่นย่อมทำให้ ‘ความกดดัน’ มหาศาลถูกส่งต่อมาถึงเรา
อีกทั้งยังมีเรื่องสถานการณ์ของธุรกิจครอบครัวขณะที่เราเข้ามาสานต่ออีกด้วย หลายๆ ครั้งธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินด้วยคนรุ่นก่อนมักเป็นธุรกิจในรูปแบบ Traditional ซึ่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมหรือเทคโนโลยี ทำให้ธุรกิจต่างๆ กำลังโดน Disrupt นั่นหมายถึงว่าธุรกิจครอบครัวที่เป็น Traditional ส่วนใหญ่กำลังอยู่ในช่วงขาลง
นั่นหมายถึงว่าหากมีการส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ ความท้าทายและความกดดันทุกอย่างก็จะไปตกอยู่ที่ทายาท และนั่นก็คือสิ่งที่เรา—ทายาทของผู้ประกอบการธุรกิจ ต้องแบกมันเอาไว้
ความกดดันที่จะต้องถูกเปรียบเทียบตลอดเวลา
ความกดดันที่หากทำได้ก็แค่เท่ากับที่ผู้ใหญ่ทำคือเสมอตัว
ความกดดันที่ต่อให้ทำสำเร็จ คนก็จะไม่มองว่ามันคือความสามารถของเรา
ความกดดันจากลูกน้องที่ยังไม่เชื่อในตัวเรา
ความกดดันจากลูกค้าหรือซัพพลายเออร์ที่ต้องดีลงานกับเรา
ยังไม่รวมถึงว่าหากมีการตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาดในการทำธุรกิจนั่นหมายถึงการที่พาครอบครัวล้มไปทั้งครอบครัวเลยก็ว่าได้
ดังนั้นการเกิดมาเป็นทายาท ต้องอาศัยความอดทน ต่อแรงกดดันจากทุกสารทิศที่กล่าวมานั้น ทายาทยังต้องมี ‘ความกล้า’ อีก ที่จะต้องสลัดภาพเงาของผู้ใหญ่ที่ฉายอยู่หลังเรา เพื่อให้ทุกคนมองเห็น ‘ตัวเรา’ ให้ได้
ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่อาจทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ต้นกล้าแบบเราก็ต้องการแสงแดด เพื่อเจริญเติบโตและงอกงาม หากเรายังคงอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เราก็จะไม่มีวันเจอแสงแดด และเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงต้นต่อไปได้